ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 114.32 จุด หรือ 0.38% ปิดที่ 30,129.83 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เพิ่มขึ้น 2.75 จุด หรือ 0.07% ปิดที่ 3,690.01 จุด และดัชนีแนสแด็ก ลดลง 36.80 จุด หรือ 0.29% ปิดที่ 12,771.11 จุด
หุ้นกลุ่มสายการบินพุ่งขึ้นในวันนี้ หลังจากดิ่งลงก่อนหน้านี้จากข่าวที่ว่าหลายประเทศพากันระงับเที่ยวบินจากอังกฤษ เนื่องจากวิตกต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ที่แพร่เชื้อรวดเร็วกว่าเดิมถึง 70% นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากตัวเลขผู้ว่างงานที่ลดลงในสหรัฐ ทางด้านกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 803,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว และต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 885,000 ราย จากระดับ 892,000 รายที่มีการรายงานในสัปดาห์ก่อนหน้านี้
ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกพุ่งสูงเป็นประวัติการณ์แตะระดับ 6.9 ล้านรายในช่วงปลายเดือนมี.ค. โดยได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์ ส่งผลให้ภาคธุรกิจปิดกิจการ และมีการปลดพนักงานจำนวนมาก นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานรายงานว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยังคงขอรับสวัสดิการว่างงานต่อเนื่องลดลงสู่ระดับ 5.3 ล้านราย ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นช่วงเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังไม่ลงนามในร่างกฎหมายว่าด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยอ้างว่าต้องการให้มีการเพิ่มจำนวนเงินในเช็คเงินสดที่จะแจกจ่ายให้กับชาวอเมริกันจาก 600 ดอลลาร์ เป็น 2,000 ดอลลาร์ และให้มีการตัดงบรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออกจากมาตรการดังกล่าว สำหรับในขั้นตอนต่อไป สภาคองเกรสอาจนำร่างกฎหมายดังกล่าวกลับไปพิจารณาปรับปรุงแก้ไข แต่ถ้าสภาคองเกรสไม่ดำเนินการดังกล่าว ปธน.ทรัมป์ก็จะมี 3 ทางเลือก คือ ลงนามในร่างกฎหมายนี้เพื่อให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมาย, ใช้สิทธิวีโต้ หรือไม่ดำเนินการใดๆ ซึ่งจะทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายโดยอัตโนมัติ