จีนคาดว่าจะเริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน
จากการรายงานเศรษฐกิจของจีนที่ผ่านมาพบว่าเศรษฐกิจจีนอ่อนแอกว่าที่คาดไว้ในเดือนเมษายนและพฤษภาคม ซึ่งอาจเกิดจากการฟื้นตัวหลังเกิดโควิด 19 ยังไม่ดีมากนักและยังคงมีความตึงเครียดทางเศรษฐกิจกับสหรัฐฯอยู่ รวมถึงการชะลอตัวของการค้าและการลงทุนทั่วโลกที่เป็นปัจจัยหลักและส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้มีการประชุมระหว่างรัฐมนตรีระดับสูงของสหรัฐฯ และจีน โดยมีนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เข้าร่วมประชุมด้วย ทั้งสองฝ่ายมีความพยายามในการคลี่คลายความตึงเครียดที่เกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นนักลงทุนได้คาดว่าการประชุมในครั้งนี้จะทำให้ความตึงเครียดที่เกิดขึ้นถูกคลี่คลายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
นอกจากนี้ทางธนาคารกกลางจีน (PBOC) มีความคิดที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้กับลูกค้าชั้นดี หลังจากได้มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งระยะสั้นและระยะกลาง เพื่อพยุงเศรษฐกิจไม่ให้แย่ไปมากกว่านี้ ทั้งนี้ ความต่างด้านอัตราดอกเบี้ยที่กว้างมากขึ้น ทำให้เงินจากนักลงทุนไหลออกมากขึ้นเช่นกัน
ผลสำรวจความเห็นนักวิเคราะห์ 32 คนแสดงให้เห็นว่า ผู้ตอบแบบสำรวจทั้งหมดคาดว่าธนาคารกลางจีนจะลดทั้งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ระยะ 1 ปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดีระยะ 5 ปี อย่างแน่นอน และมาตราการนี้ยังช่วยพยุงค่าใช้จ่ายด้านอสังหาริมทรัพย์ที่อ่อนแออยู่แล้วเพื่อไม่ให้เกิดการชะลอตัวที่รุนแรงมากกว่านี้
เงินหยวนนอกชายฝั่งอ่อนค่าลงต่อเนื่อง เนื่องจากคณะรัฐมนตรีของจีนให้การยืนยันที่จะออกมาตรการเชิงนโยบายเพื่อกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางสัญญาณว่าการฟื้นตัวหลังการระบาดใหญ่กำลังไม่แน่นอน และธนาคารรายใหญ่หลายแห่งปรับลดการคาดการณ์การเติบโตของ GDP ของจีนในปี 2566 หลังได้เห็นว่าตัวเลขการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกในประเทศพลาดจากที่การคาดการณ์ไว้ในเดือนพฤษภาคม
นายจูเลียน อีแวนส์-พริทชาร์ด ผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐศาสตร์จีนจากแคปิตอล อีโคโนมิคส์กล่าวว่า "การลดดอกเบี้ยในครั้งนี้จะลดต้นทุนของสินเชื่อใหม่ รวมทั้งการจ่ายดอกเบี้ยของสินเชื่อปัจจุบันด้วย และน่าจะช่วยหนุนกิจกรรมเศรษฐกิจได้บ้าง แต่เราคิดว่า อาจจะทำไม่ทำให้การขยายตัวของสินเชื่อเร่งตัวเร็วขึ้น เนื่องจากความต้องการสินเชื่อชะลอตัว"
ดัชนีดอลลาร์ (DXY) ได้มีการปรับตัวลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจาก FED ได้มีการพักการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพียงชั่วคราว แต่จะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างน้อยอีก 2 ครั้งในปีนี้ ทางด้านนักลงทุนได้มีการคาดการณ์ว่า FED จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมที่จะถึงนี้ โดยจะปรับขึ้นเพียงแค่ 0.25% เท่านั้น
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 7.1783, 7.1834, 7.1891
แนวรับสำคัญ: 7.1675, 7.1618, 7.1567
ที่มา: Investing.com
ชื่อ | S3 | S2 | S1 | จุดกลับตัว | R1 | R2 | R3 |
Classic | 7.1567 | 7.1618 | 7.1675 | 7.1726 | 7.1783 | 7.1834 | 7.1891 |
Fibonacci | 7.1618 | 7.1659 | 7.1685 | 7.1726 | 7.1767 | 7.1793 | 7.1834 |
Camarilla | 7.1703 | 7.1713 | 7.1723 | 7.1726 | 7.1743 | 7.1753 | 7.1763 |
Woodie's | 7.1571 | 7.1620 | 7.1679 | 7.1728 | 7.1787 | 7.1836 | 7.1895 |
DeMark's | - | - | 7.1701 | 7.1739 | 7.1809 | - | - |
ชื่อ | มูลค่า | Action |
RSI(14) | 63.087 | ซื้อ |
STOCH(9,6) | 85.057 | ซื้อมากเกินไป |
STOCHRSI(14) | 100.000 | ซื้อมากเกินไป |
MACD(12,26) | 0.009 | ซื้อ |
ADX(14) | 35.478 | ซื้อ |
Williams %R | -1.813 | ซื้อมากเกินไป |
CCI(14) | 115.2767 | ซื้อ |
ATR(14) | 0.0111 | ผันผวนน้อยลง |
Highs/Lows(14) | 0.0264 | ซื้อ |
Ultimate Oscillator | 70.147 | ซื้อมากเกินไป |
ROC | 0.741 | ซื้อ |
Bull/Bear Power(13) | 0.0333 | ซื้อ |
ซื้อ:7 ขาย:0 ถือหุ้นไว้:0 สรุป:ซื้อทันที |