หุ้นเอเชียพุ่ง นิกเคอิแตะระดับสูงสุดในรอบ 33 ปี ท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ
ในวันจันทร์ หุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวขึ้น จากการลดลงของอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ สร้างความหวังว่านโยบายการเงินจากธนาคารกลางสหรัฐจะมีท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูลเชิงบวกที่บ่งชี้ถึงความเชื่อมั่นที่ดีขึ้นต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้ผลักดันดัชนี Nikkei สู่ระดับสูงสุดในรอบ 33 ปี อย่างไรก็ตามภายหลังตลาดได้มีการปรับฐาน ส่งผลให้ดัชนี Nikkei ร่วงลงจากระดับสูงสุดก่อนหน้านี้
การปรับตัวขึ้นในตลาดเอเชียเกิดจากอัตราเงินเฟ้อลดลงมากกว่าที่คาดไว้ในเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้สินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ความยั่งยืนของแนวโน้มขาขึ้นครั้งนี้ยังคงไม่แน่นอน โดยขึ้นอยู่กับการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจและสัญญาณของธนาคารกลางทั่วโลกตลอดทั้งสัปดาห์
ในขณะที่กิจกรรมโรงงานภาคการผลิตขยายตัวเล็กน้อยในจีน แต่กลับพบการหดตัวในญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ ส่งสัญญาณถึงความท้าทายในการรักษาโมเมนตัมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชีย โดยบริษัทผู้ผลิตในเอเชียยังคงเตรียมรับมือกับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรงของสหรัฐอเมริกาและยุโรป
ทั้งนี้ ดัชนี Shanghai Shenzhen CSI 300 และ Shanghai Composite ของจีนได้ปรับเพิ่มขึ้นราว 1.2% หลังผลสำรวจที่เปิดเผยถึงภาคการผลิตของจีนที่เติบโตดีเกินคาดในเดือนมิถุนายน ในขณะที่ ดัชนี Hang Seng ของฮ่องกงเพิ่มขึ้น 1.9% โดยได้รับแรงหนุนจากความแข็งแกร่งของหุ้นจีนที่จดทะเบียนในประเทศ ในขณะเดียวกัน ยอดค้าปลีกของฮ่องกงในเดือนพฤษภาคมพบการเติบโต 18.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว นับเป็นการเติบโตติดต่อกันเป็นเดือนที่หก โดยการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวขาเข้าและความเชื่อมั่นในเชิงบวกคาดว่าจะสนับสนุนการเติบโตต่อไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม การดัชนีทางเศรษฐกิจบางส่วนในจีนชะลอตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ซึ่งบ่งชี้ถึงความอ่อนแอที่อาจเกิดขึ้นในเศรษฐกิจจีน โดยจากผลสำรวจอย่างเป็นทางการเมื่อสัปดาห์ที่แล้วแสดงให้เห็นว่า ภาคโรงงานของจีนหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 3 ในเดือนมิถุนายน ความเชื่อมั่นลดลงและการสรรหาบุคลากรลดลง เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ เริ่มกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับสภาวะตลาดที่ซบเซา ส่งผลให้ขณะนี้ ตลาดคาดหวังว่าจะได้รับการสนับสนุนด้านนโยบายที่มากขึ้น เพื่อหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ แม้ว่าธนาคารกลางจีนจะได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจแล้วก็ตาม
ผลกระทบของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีนก็ได้ส่งผลต่อญี่ปุ่น โดยกิจกรรมภาคการผลิตของญี่ปุ่นหดตัวในเดือนมิถุนายน จากคำสั่งซื้อสินค้าวัฏจักรที่อ่อนแอท่ามกลางการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยการกลับมาหดตัวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากพบการขยายตัวในเดือนพฤษภาคมเป็นครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ซึ่งคำสั่งซื้อใหม่จากลูกค้าต่างประเทศที่ลดลงเร็วที่สุดในรอบสี่เดือน ได้สะท้อนถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอจากจีน
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด จากผลสำรวจของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นพบว่า ความเชื่อมั่นในภาคธุรกิจในประเทศดีขึ้นตลอดไตรมาสที่สอง ซึ่งบ่งชี้ถึงเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัว เนื่องจากบริษัทจำนวนมากได้วางแผนเพิ่มการลงทุนมากขึ้น ส่งผลให้ตลาดคาดหวังว่าแนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นจะดีขึ้นในปีนี้ และส่งผลให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา
ทางด้านเกาหลีใต้ อัตราเงินเฟ้อพบการชะลอตัวมากกว่าที่คาดไว้และแตะระดับต่ำสุดในรอบ 21 เดือน โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันและราคาสินค้าเกษตรที่ลดลง ในขณะเดียวกัน กิจกรรมภาคการผลิตของประเทศหดตัวสูงในเดือนมิถุนายน และชะลอตัวเป็นเดือนที่ 12 ติดต่อกันเป็นประวัติการณ์ อย่างไรก็ตาม การชะลอตัวของการส่งออกในเกาหลีใต้ปรับตัวดีขึ้นในเดือนมิถุนายน โดยพบการส่งออกรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น และความต้องการของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ที่ดีขึ้น
ทั้งนี้ ในบรรดาตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมการผลิตของอินเดียนั้นกลับโดดเด่นด้วยการขยายตัวอย่างรวดเร็วในเดือนมิถุนายน โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่ง ซึ่งถึงแม้ว่าจะต่ำกว่าตัวเลขในเดือนพฤษภาคมเล็กน้อย แต่ก็นับเป็นการขยายตัวที่เร็วที่สุดเป็นอันดับสองในปีนี้ แม้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อจะยังคงสูงขึ้นก็ตาม
ด้วยเหตุนี้ แนวโน้มของดัชนี Nikkei นั้นคาดว่าจะปรับตัวขึ้นลงในกรอบ ไปจนถึงอยู่ในแนวโน้มขาลง ซึ่งถึงแม้ว่าความเชื่อมั่นในเชิงบวกและตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นจะช่วยสนับสนุนได้บ้าง แต่ความท้าทายในการประคับประคองการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเอเชีย อุปสงค์ที่อ่อนแอจากจีน และการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงได้ โดยตลาดคาดว่าจะได้รับอิทธิพลจากข้อมูลเศรษฐกิจที่เผยแพร่ และนโยบายของธนาคารกลางทั่วโลกในช่วงนี้
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ : 33536.5, 33604.4, 33714.2
แนวรับสำคัญ : 33316.9, 33249.0, 33139.2
5H Outlook
ที่มา: Investing.com
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 33216.9 - 33316.9 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 33316.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33536.5 และ SL ที่ประมาณ 33186.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 33536.5 - 33636.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33720.0 และ SL ที่ประมาณ 33287.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 33536.5 - 33636.5 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 33536.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33248.4 และ SL ที่ประมาณ 33667.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 33216.9 - 33316.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33125.0 และ SL ที่ประมาณ 33507.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Jul 04, 2023 09:38AM GMT+7
Name | S3 | S2 | S1 | Pivot Points | R1 | R2 | R3 |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 32960.9 | 33139.2 | 33248.4 | 33426.7 | 33535.9 | 33714.2 | 33823.4 |
Fibonacci | 33139.2 | 33249.0 | 33316.9 | 33426.7 | 33536.5 | 33604.4 | 33714.2 |
Camarilla | 33278.4 | 33304.8 | 33331.1 | 33426.7 | 33383.9 | 33410.2 | 33436.6 |
Woodie's | 32926.3 | 33121.9 | 33213.8 | 33409.4 | 33501.3 | 33696.9 | 33788.8 |
DeMark's | - | - | 33193.8 | 33399.4 | 33481.2 | - | - |
Sources: Investing 1, Investing 2