สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (24 ธ.ค.) ขานรับข่าวอังกฤษ และสหภาพยุโรป (EU) บรรลุข้อตกลงการค้าซึ่งจะมีการบังคับใช้หลังจากอังกฤษแยกตัวจาก EU (Brexit) ในช่วงสิ้นปีนี้ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบโควิด-19 ในสหรัฐ ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ว่าจะลงนามบังคับใช้หรือไม่
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 11 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 48.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 9 เซนต์ หรือ 0.2% ปิดที่ 51.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบปิดในแดนบวก หลังจากอังกฤษและ EU สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าระหว่างกันเมื่อคืนนี้ตามเวลาไทย หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายได้เจรจาร่วมกันเป็นเวลานานหลายเดือน โดยนางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) กล่าวว่า ข้อตกลงการค้าดังกล่าวมีความสมดุลและเป็นธรรม
ข่าวดังกล่าวช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลและมีความหวังเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน หลังจากที่ก่อนหน้านี้ ตลาดได้รับแรงกดดันจากความวิตกกังวลที่ว่า หากอังกฤษและ EU ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงการค้าได้ก่อนวันที่ 1 ม.ค.2564 ก็จะทำให้อังกฤษแยกตัวออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) ส่งผลให้อังกฤษสูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้ากับ EU และทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการค้าภายใต้กฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO)
นักลงทุนจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่ว่าจะไม่ลงนามในมาตรการดังกล่าว โดยอ้างว่าต้องการให้เพิ่มจำนวนเงินในเช็คเงินสดที่จะแจกจ่ายให้กับชาวอเมริกันจาก 600 ดอลลาร์ เป็น 2,000 ดอลลาร์ และต้องการให้ตัดงบรายจ่ายที่ไม่จำเป็น
* ตลาดน้ำมันนิวยอร์กจะปิดทำการในวันศุกร์ที่ 25 ธ.ค. เนื่องในวันคริสต์มาส *