บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นยุโรป วันที่ 22 สิงหาคม 2566

บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นยุโรป วันที่ 22 สิงหาคม 2566
Create at 1 year ago (Aug 22, 2023 10:02)

ตลาดหุ้นยุโรปถูกจำกัด นักลงทุนจับตาดูคำแถลง ECB และเฟด

ตลาดหุ้นยุโรปปิดตลาดขยับขึ้นเล็กน้อยเมื่อวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากราคาผู้ผลิตในเยอรมนีที่ลดลงอย่างมาก แม้ว่าจีนจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพียงเล็กน้อยก็ตาม หุ้นยุโรปสามารถทำลายสถิติติดลบติดต่อกันสี่วันได้ นำโดยกลุ่มธุรกิจพลังงานและเหมืองแร่จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลกที่พุ่งสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม การเพิ่มขึ้นของมูลค่าหุ้นยุโรปยังคงถูกจำกัดด้วยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้นในเขตยูโร พร้อมกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่แตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี นำไปสู่การคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงสูงขึ้นเป็นระยะเวลานานกว่าที่คาดไว้ในตอนแรก ขณะเดียวกัน จีน ซึ่งเป็นผู้อุปโภคโลหะและน้ำมันรายใหญ่ ดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 10 จุด น้อยกว่าที่คาดไว้ในการกระตุ้นความต้องการเงินลงทุน และขณะเดียวกันก็สร้างความประหลาดใจให้กับตลาดด้วยการรักษาอัตราดอกเบี้ย 5 ปีไว้เท่าเดิม

ทั้งนี้ ในภาคส่วนธุรกิจต่างๆ พลังงานและเหมืองแร่เพิ่มขึ้น 0.6% และ 0.4% ตามลำดับ สะท้อนถึงเส้นทางขาขึ้นของราคาน้ำมันดิบและโลหะ ทางด้านดัชนีกลุ่มสุขภาพในยุโรปเพิ่มขึ้น 0.3% โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้น 0.8% ของ Novo Nordisk หลังจากที่ Morgan Stanley ปรับเพิ่มการคาดการณ์มูลค่าบริษัท ในขณะที่แบรนด์หรูรายใหญ่ LVMH และ Kering ดีดตัวขึ้น 0.9% และ 1.2% ตามลำดับ สิ้นสุดการติดลบติดต่อกัน 6 วัน จากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์ของจีน ในขณะเดียวกัน Continental ซัพพลายเออร์ด้านยานยนต์ของเยอรมนี พุ่งขึ้น 5.9% ส่งผลให้หุ้นขึ้นสู่อันดับต้นๆ ของดัชนี STOXX 600 หลังจากที่มีรายงานถึงความเป็นไปได้ในการปรับโครงสร้างองค์กรจากการขายสินทรัพย์ ส่งผลให้ดัชนีรถยนต์เพิ่มขึ้น 1.1%

อย่างไรก็ตาม หุ้นอสังหาริมทรัพย์ในยุโรปมีการลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 2% ซึ่งถือเป็นการลดลงที่สูงที่สุดในบรรดาดัชนีภาคส่วนต่างๆ ในขณะที่ดัชนี DAX ของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 0.2% แม้ว่าข้อมูลอย่างเป็นทางการจะบ่งชี้ว่าราคาผู้ผลิตของเยอรมนีลดลงเกินคาดในเดือนกรกฎาคม โดยรายงานเศรษฐกิจรายเดือนของ Bundesbank ชี้ให้เห็นว่า แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอาจถึงจุดสูงสุดไปแล้ว แต่แรงกดดันด้านราคากลับค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ ส่งผลให้มีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะยังคงอยู่สูงกว่า 2% อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ล่าสุด เยอรมนีเผชิญกับราคาผู้ผลิตที่ลดลงอย่างไม่คาดคิด ซึ่งถือเป็นการลดลงรายปีครั้งแรกในรอบสองปีครึ่ง บ่งชี้ถึงแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลง ในขณะเดียวกัน ภาคอสังหาริมทรัพย์ของประเทศยังคงเผชิญกับความท้าทาย อย่างเช่น จำนวนใบอนุญาตการก่อสร้างอพาร์ทเมนท์ที่ลดลงอย่างมาก เนื่องจากต้นทุนการก่อสร้างที่สูงและปัญหาต้นทุนการกู้ยืมในช่วงครึ่งแรกของปี

ด้วยเหตุนี้ แม้ราคาผู้ผลิตจะปรับตัวลดลง แต่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาจึงอาจเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจในวงกว้างของยูโรโซน และอาจนำไปสู่ภาวะถดถอย ในขณะที่รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนี โรเบิร์ต ฮาเบค เสนอให้มีกฎระเบียบที่เข้มงวดเกี่ยวกับการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อหนุนความมั่นคงทางเศรษฐกิจ โดยพยายามลดการพึ่งพาจีน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการพึ่งพาเชิงกลยุทธ์และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก

อย่างไรก็ตาม ฟิลิป เลน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของธนาคารกลางยุโรป ยืนยันว่าเศรษฐกิจยูโรโซนจะยังคงเติบโตในปีต่อๆ ไป และไม่น่าจะเกิดภาวะถดถอยที่รุนแรง แม้ว่าเศรษฐกิจของประเทศในกลุ่มจะเผชิญกับภาวะซบเซาที่ผ่านมา โดยเลนแย้งว่าการเติบโตจะได้รับแรงหนุนหลังจากเศรษฐกิจกลับเข้าสู่แนวโน้มก่อนการแพร่ระบาด และตั้งข้อสังเกตว่าราคาพลังงานที่ลดลงอันเป็นผลมาจากความขัดแย้งของรัสเซียในยูเครน จะนำไปสู่รายได้ที่เพิ่มขึ้นสำหรับครัวเรือนในท้ายที่สุด

ทั้งนี้ ตลาดยังคงคาดการณ์ถึงทิศทางต่อไปของธนาคารกลางยุโรป โดยคำปราศรัยที่กำลังจะมีขึ้นจากประธาน ECB คริสติน ลาการ์ด ที่การประชุม Jackson Hole Symposium คาดว่าจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวในอนาคตของธนาคารได้ และในทำนองเดียวกัน นักลงทุนต่างรอคอยคำกล่าวของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวลล์ ซึ่งจะให้ความกระจ่างเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้น

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD EU50 (Euro Stoxx 50 Futures - Sep 23)

แนวต้านสำคัญ : 4257, 4259, 4263

แนวรับสำคัญ : 4249, 4247, 4243                 

 1H Outlookวิเคราะห์ตลาดหุ้นยุโรป ที่มา: Investing.com    

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 4246 – 4249 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 4249 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4258 และ SL ที่ประมาณ 4243 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 4257 – 4260 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4268 และ SL ที่ประมาณ 4246 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 4257 – 4260 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 4257 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4248 และ SL ที่ประมาณ 4263 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 4246 – 4249 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4238 และ SL ที่ประมาณ 4260 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Aug 22, 2023 09:43AM GMT+7

Name S3 S2 S1 Pivot Points R1 R2 R3
Classic 4238 4243 4248 4253 4258 4263 4268
Fibonacci 4243 4247 4249 4253 4257 4259 4263
Camarilla 4251 4252 4253 4253 4255 4256 4257
Woodie's 4240 4244 4250 4254 4260 4264 4270
DeMark's - - 4251 4254 4261 - -

Sources: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blog
รู้เท่าทันข่าว&สถานการณ์โลก: News
บทวิเคราะห์เชิงเทคนิคขั้นสูง: Analysis
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES