เศรษฐกิจของแคนาดาเติบโตได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ดอลลาร์แคนาดายังมีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าได้อย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงกดดันมาจากดอลลาร์สหรัฐฯ ที่จะมีการประชุมกันในวันนี้ รวมถึงอัตราเงินเฟ้อที่เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในการประกาศครั้งล่าสุด ซึ่งแคนาดาถือว่าเป็นประเทศที่มีการนำเข้าสูง การนำเข้าที่เพิ่มมากขึ้นในช่วงที่ค่าเงินแคนาดาอ่อนทำให้แคนาดามีการขาดดุลการค้าที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020
การไหลออกของสกุลเงินภายในประเทศและแรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มมากขึ้นในแคนาดาทำให้ธนาคารแห่งแคนาดา (BoC) มีการพิจารณาถึงความจำเป็นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือนกันยายน แม้ว่าตัวเลขทางเศรษฐกิจหลายอย่างยังไม่ค่อยดีมากนัก แต่การจัดการเงินเฟ้อให้ต่ำก็ยังเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ ถึงอย่างนั้น หากข้อมมูลเศรษฐกิจออกมาย่ำแย่กว่าที่คาดไว้มากก็อาจจะมีการคงอัตราดอกเบี้ยไว้แทน
มีการคาดการณ์ GDP ในไตรมาสที่ 2 ไว้ว่าจะมีการเติบโตเพียง 0.1% เท่านั้น โดยการค้าต่างประเทศมีสัดส่วนประมาณ 45% ของ GDP และสหรัฐอเมริกาก็เป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุด แต่การส่งออกที่ลดลงได้สวนทางกับการนำเข้าที่เพิ่มมากขึ้นจึงเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ GDP ไม่โตมากนัก อีกทั้งสหรัฐฯ ในตอนนี้ก็ยังมีความตึงเครียดจากการประชุมที่จะถึงนี้รวมถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจาก การขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งก่อนหน้า
ราคาบ้านในแคนาดาลดลง 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน (MoM) ในเดือนกรกฎาคมแม้ว่าต้นทุนในการสร้างบ้านในบางพื้นที่จะมีการลดลงมาบ้างแล้วก็ตาม ทั้งนี้ความต้องการในการเข้ามาอยู่อาศัยรวมถึงอัตราการเช่าที่พักอาศัยก็มีการลดลงเช่นเดียวกัน โดยผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เองก็เน้นย้ำถึงสภาวะตลาดที่อ่อนแอลงงหลังจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดและได้มีการคาดการณ์ถึงผลกระทบไว้บ้างแล้ว
ทั้งนี้ ได้มีการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ว่ายอดค้าปลีกในแคนาดาจะเพิ่มขึ้นถึง 0.4% จากเดือนก่อนหน้า โดยมีการประมาณการเบื้องต้นจากการเติบโตที่เพิ่มขึ้นสำหรับยานยนต์และตัวแทนจำหน่ายชิ้นส่วนที่มีการเติบโตมากที่สุดที่ 2.5% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งจะสอดคล้องกับ PMI ภาคการผลิตที่มีการเพิ่มขึ้นเช่นกัน โดยแสดงให้เห็นว่าภาคส่วนการผลิตชิ้นส่วนต่างๆ เริ่มมีการฟื้นตัวเล็กน้อยและอาจจะกลับมาคึกคักได้อีกในปีหน้า
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแคนาดาอายุ 10 ปีเริ่มมีการฟื้นตัวเพิ่มขึ้นเหนือ 3.65% อีกครั้งหลังจากที่มีการลดลงเล็กน้อย ซึ่งมีค่าใกล้เคียงกันกับปี 2010 โดยมุมมองจากนักลงทุนต่างมีความคาดหวังว่า BoC จะขึ้นอัตราดอกเบี้ย 25 bps ในเดือนกันยายน โดยมีปัจจัยที่คอยสบับสนุนคือยอดค้าปลีกที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้ การเพิ่มอัตราดอกเบี้ยจะเป็นการเพิ่มต้นทุนต่างๆ และกดดันราคาของพันธบัตรรัฐบาลให้ปรับลดลงมากกว่าเดิม
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 1.3595, 1.3610, 1.3618
แนวรับสำคัญ: 1.3572, 1.3564, 1.3548
ที่มา: Investing.com
จุดกลับตัว 25 สิงหาคม 2566 16:56 น. GMT+7
ชื่อ | S3 | S2 | S1 | จุดกลับตัว | R1 | R2 | R3 |
Classic | 1.3548 | 1.3564 | 1.3572 | 1.3587 | 1.3595 | 1.3610 | 1.3618 |
Fibonacci | 1.3564 | 1.3572 | 1.3578 | 1.3587 | 1.3596 | 1.3602 | 1.3610 |
Camarilla | 1.3574 | 1.3576 | 1.3578 | 1.3587 | 1.3582 | 1.3584 | 1.3586 |
Woodie's | 1.3544 | 1.3562 | 1.3568 | 1.3585 | 1.3591 | 1.3608 | 1.3614 |
DeMark's | - | - | 1.3568 | 1.3585 | 1.3591 | - | - |
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3595 - 1.3610 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3618 และ SL ที่ประมาณ 1.3564 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3595 - 1.3610 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.3595 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3564 และ SL ที่ประมาณ 1.3618 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.3564 - 1.3572 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3548 และ SL ที่ประมาณ 1.3610 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
ตัวชี้วัดทางเทคนิค 25 สิงหาคม 2566 16:56 น. GMT+7
ชื่อ | มูลค่า | Action |
RSI(14) | 60.579 | ซื้อ |
STOCH(9,6) | 74.784 | ซื้อ |
STOCHRSI(14) | 74.761 | ซื้อ |
MACD(12,26) | 0.002 | ซื้อ |
ADX(14) | 39.757 | ซื้อ |
Williams %R | -15.958 | ซื้อมากเกินไป |
CCI(14) | 112.9257 | ซื้อ |
ATR(14) | 0.0029 | ผันผวนน้อยลง |
Highs/Lows(14) | 0.0017 | ซื้อ |
Ultimate Oscillator | 62.028 | ซื้อ |
ROC | 0.295 | ซื้อ |
Bull/Bear Power(13) | 0.0029 | ซื้อ |
ซื้อ:10 ขาย:0 ถือหุ้นไว้:0 สรุป:ซื้อทันที |