หุ้นเอเชียพุ่งขึ้นหลังมาตรการจากจีน ท่ามกลางความระมัดระวังก่อนการเผยแพร่ข้อมูลสหรัฐฯ
หุ้นเอเชียปรับตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ หลังจากจีนประกาศมาตรการใหม่เพื่อสนับสนุนตลาด แม้ว่าจะยังคงความระมัดระวังเนื่องจากข้อมูลการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลกระทบต่อทิศทางของอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่จีนตัดสินใจลดอากรแสตมป์ในการซื้อขายหุ้นเพื่อหนุนความเชื่อมั่นของนักลงทุน ท่ามกลางผลกำไรภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง 6.7% ในเดือนกรกฎาคม โดยหุ้นบลูชิปของจีนร่วงลง 2% ในสัปดาห์ก่อนและแตะจุดต่ำสุดในรอบปี ส่งผลให้นักลงทุนจับตามองการรายงานข้อมูล PMI เดือนสิงหาคมมากยิ่งขึ้น
ทางด้าน China Evergrande Group ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่มีภาระหนี้มากที่สุดในโลก รายงานผลขาดทุนสุทธิที่ลดน้อยลงในช่วงครึ่งแรกของปี 2566 เนื่องจากรายได้ที่เพิ่มขึ้น โดยความท้าทายทางการเงินของ Evergrande เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนที่สุดของวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ของจีน ซึ่งมีลักษณะเฉพาะคือการผิดนัดชำระหนี้ โครงการก่อสร้างที่ยังไม่แล้วเสร็จ และความกังวลของผู้บริโภค ในขณะที่ ท่ามกลางความกังวลถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นในวงกว้าง การผิดนัดการจ่ายคูปองตราสารสกุลดอลลาร์สหรัฐฯ โดย Country Garden ผู้พัฒนาเอกชนรายใหญ่ที่สุดของจีน ได้ส่งสัญญาณเตือน และขยายความตึงเครียดให้กับเศรษฐกิจจีนที่ยังคงได้รับผลกระทบจากอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศที่อ่อนแอ และการว่างงานที่เพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ในความพยายามที่จะทำให้อัตราการจำนองมีราคาไม่สูงจนเกินไป และช่วยกระตุ้นความต้องการด้านอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารพาณิชย์จีนคาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะช่วยให้ธนาคารต่างๆ มีความยืดหยุ่นในการลดอัตราการจำนองและเพิ่มความสามารถในการทำกำไรมากขึ้น
ในขณะเดียวกัน หุ้นเอเชียแปซิฟิกนอกญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 0.2% ส่งสัญญาณการฟื้นตัวหลังจากลดลงสามสัปดาห์ โดยท่าทีนโยบายจากประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวลล์ ไม่ได้ส่งผลเชิงลบต่อตลาดอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าพาวเวลล์จะชี้ให้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่ยังคงเน้นย้ำถึงการดำเนินแนวทางอย่างระมัดระวัง โดยคำนึงถึงทิศทางข้อมูลและเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อ ส่งผลให้ความน่าจะเป็นที่จะมีการคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันที่ 20 กันยายนอยู่ที่ประมาณ 80% โดยมีความน่าจะเป็น 54% ที่จะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยสิ้นปี ในขณะที่ทิศทางของตลาดขึ้นอยู่กับกระแสข้อมูลของสหรัฐฯ ซึ่งความร้อนแรงของดัชนีชี้วัดที่แข็งแกร่งผ่อนคลายลงจากผลการสำรวจภาคการผลิตล่าสุดที่ชี้ถึงการชะลอตัว
ทางด้านนายคาซูโอะ อูเอดะ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น คงทิศทางนโยบายที่ต่างจากสถานการณ์ทั่วโลก โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการรักษานโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคพื้นฐานของญี่ปุ่นจะเกิน 2% มาเป็นเวลา 16 เดือนติดต่อกัน ท่ามกลางอิทธิพลของแรงกดดันด้านต้นทุน โดยตระหนักถึงการคาดการณ์แนวโน้มเงินเฟ้อที่ลดลง
ขณะเดียวกัน อินเดียเผชิญกับอัตราเงินเฟ้อราคาอาหารที่สูงขึ้นเนื่องจากปริมาณฝนที่ไม่แน่นอน ส่งผลให้รัฐบาลพยายามหาแนวทางแก้ไขเพื่อบรรเทาแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ โดยอัตราเงินเฟ้อค้าปลีกประจำปีอยู่ที่ 7.44% ในเดือนกรกฎาคม และเงินเฟ้อราคาอาหารอยู่ที่ 11.5% กระตุ้นความเร่งด่วนในการออกมาตรการเพื่อหลีกเลี่ยงแรงปะทะก่อนการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ในขณะที่รัฐบาลได้พิจารณาขยายโครงการอาหารฟรีสำหรับผู้บริโภคที่มีรายได้น้อยเพื่อบรรเทาความยากลำบาก
ทั้งนี้ ข้อมูลตัวเลขเศรษฐกิจเอเชียประจำสัปดาห์นี้ จะประกอบไปด้วยรายงาน PMI จากประเทศต่างๆ รวมถึงจีน ที่จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเดือนสิงหาคม ข้อมูล GDP ของอินเดีย และตัวเลขเงินเฟ้อจากอินโดนีเซียและเวียดนาม ในขณะที่ PMI ภาคบริการและภาคการผลิตของจีนจะถูกจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากนักลงทุนและธนาคารกลางมองหาสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ท่ามกลางการคาดการณ์ที่ยังคงอ่อนแอ จึงอาจส่งผลให้แนวโน้มตลาดหุ้นเอเชียโดยรวมยังคงถูกกดดันอยู่บ้าง เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจจีนที่อาจส่งสัญญาณหดตัวมากยิ่งขึ้น ในขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นคาดว่าจะสามารถทรงตัวในกรอบขาขึ้น ไปจนถึงปรับตัวลดลงเล็กน้อย
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD JP225 Nikkei 225 Futures - Sep 23
แนวต้านสำคัญ : 32134.3, 32195.7, 32295.0
แนวรับสำคัญ : 31935.7, 31874.3, 31775.0
5H Outlook
ที่มา: Investing.com
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 31810.7 - 31935.7 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 31935.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 32207.5 และ SL ที่ประมาณ 31750.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 32134.3 - 32259.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 32295.0 และ SL ที่ประมาณ 31875.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 32134.3 - 32259.3 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 32134.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 31947.5 และ SL ที่ประมาณ 32319.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 31810.7 - 31935.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 31775.0 และ SL ที่ประมาณ 32194.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Aug 28, 2023 09:44AM GMT+7
Name | S3 | S2 | S1 | Pivot Points | R1 | R2 | R3 |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 31687.5 | 31775.0 | 31947.5 | 32035.0 | 32207.5 | 32295.0 | 32467.5 |
Fibonacci | 31775.0 | 31874.3 | 31935.7 | 32035.0 | 32134.3 | 32195.7 | 32295.0 |
Camarilla | 32048.5 | 32072.3 | 32096.2 | 32035.0 | 32143.8 | 32167.7 | 32191.5 |
Woodie's | 31729.9 | 31796.2 | 31989.9 | 32056.2 | 32249.9 | 32316.2 | 32509.9 |
DeMark's | - | - | 31991.2 | 32056.9 | 32251.2 | - | - |
Sources: Investing 1, Investing 2