ธุรกิจเทคโนโลยีสหรัฐฯ ฟื้นตัว หนุน Dow และ S&P 500

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตลาดวอลล์สตรีทเผชิญกับแรงกดดันจากความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งเกินคาด ในขณะที่ภาคเทคโนโลยีเผชิญกับความท้าทายเนื่องจากผลกระทบจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อหุ้นมูลค่าสูงหลายตัวในภาคธุรกิจ และกระตุ้นให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่คงอยู่และความน่าจะเป็นที่อัตราดอกเบี้ยจะยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปอีกเป็นระยะเวลานาน

เมื่อวันจันทร์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดวันด้วยสัญญาณเชิงบวก โดยดัชนีสำคัญๆ เพิ่มขึ้น จากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้น Tesla Inc ขณะเดียวกันค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงก่อนการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อในวันพุธ

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นโดยรวมได้รับแรงหนุนนำโดยภาคส่วนธุรกิจต่างๆ อย่าง สินค้าอุปโภคบริโภค โทรคมนาคม และภาคการบริการ โดยมุมมองเชิงบวกนี้เกิดขึ้นจากความคาดหวังเกี่ยวกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ในการคงอัตราดอกเบี้ยปัจจุบันไว้ และสัญญาณการสิ้นสุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

โดยแม้ว่าเจ้าหน้าที่เฟดจะส่งสัญญาณถึงความเป็นไปได้ในการพักใช้นโยบายในเดือนกันยายน แต่ยังคงเน้นย้ำถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตที่จะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจ โดยข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ถึงการชะลอตัวของแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและความตึงตัวของตลาดแรงงาน

ทั้งนี้ ในวันจันทร์ ดัชนี Dow และ S&P 500 พุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ จากการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งของบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ ขณะที่นักลงทุนคาดการณ์แนวโน้มที่ดีก่อนการเปิดตัว iPhone 15 ของ Apple และการเปิดเผยข้อมูลเงินเฟ้อที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยทั้ง S&P 500 และ Dow เพิ่มขึ้น 0.7% และ 0.3% ตามลำดับ เปิดสัปดาห์เป็นบวกก่อนการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพุธ

ทางด้านดัชนี Nasdaq Composite มีการเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเพิ่มขึ้น 1.1% นำโดย Tesla และ Amazon.com โดยการเพิ่มขึ้นของ Tesla ได้รับแรงหนุนจากความรู้สึกเชิงบวกที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเพิ่มขึ้น 6.4% หลังจากนักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley ปรับมุมมองคาดการณ์แนวโน้มใหม่ ซึ่งเน้นย้ำถึงข้อดีของเทคโนโลยีของบริษัท

ทั้งนี้ การคาดการณ์ระดับเงินเฟ้อในเดือนสิงหาคมคาดว่าจะสูงขึ้น โดยส่วนใหญ่ได้รับอิทธิพลจากการเพิ่มขึ้นของราคาน้ำมัน ในขณะเดียวกัน คาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะลดลงเมื่อเทียบเป็นรายปี

โดยผลการสำรวจที่จัดทำโดยธนาคารกลางสหรัฐฯ แห่งนิวยอร์กในเดือนสิงหาคม ระบุว่าการรับรู้โดยรวมของชาวอเมริกันเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อส่วนใหญ่ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง โดยประชาชนคาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายที่อยู่อาศัยและอาหารจะเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันก็แสดงความกังวลเกี่ยวกับสถานะทางการเงินส่วนบุคคล

ในสัปดาห์นี้ ไฮไลท์จะยังคงอยู่ที่ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงยอดค้าปลีกในเดือนสิงหาคม การอ่านมุมมองเชิงบวกของธุรกิจขนาดเล็กของ NFIB และการอัปเดตรายงานทางการเงินจากบริษัทต่างๆ เช่น Oracle, Adobe และ Alibaba

โดยสรุปแล้ว ตลาดหุ้นสหรัฐฯ นั้นคาดว่าจะยังคงเผชิญกับภูมิทัศน์ที่ซับซ้อน แม้บางภาคส่วนธุรกิจ โดยเฉพาะสินค้าอุปโภคบริโภค โทรคมนาคม และการบริการผู้บริโภค จะพบแนวโน้มที่ดี แต่แนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมยังคงต้องใช้ความระมัดระวัง ในขณะที่แนวโน้มขาขึ้นของตลาดคาดว่าจะยังถูกจำกัด โดยปัจจัยหลายประการ ซึ่งรวมถึงอัตราเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ย ราคาน้ำมัน และข้อมูลทางเศรษฐกิจ จะยังคงส่งผลกระทบและจำกัดการเปลี่ยนแปลงของตลาดในอนาคตอันใกล้นี้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD US 500 [S&P 500]

แนวต้านสำคัญ : 4484.1, 4485.8, 4488.7

แนวรับสำคัญ : 4478.3, 4476.6, 4473.7              

5H Outlook

ที่มา: Investing.com            

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 4468.3 - 4478.3 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 4478.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4484.4 และ SL ที่ประมาณ 4463.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 4484.1 - 4494.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4500.0 และ SL ที่ประมาณ 4473.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 4484.1 - 4494.1 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 4484.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4476.9 และ SL ที่ประมาณ 4499.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 4468.3 - 4478.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4460.0 และ SL ที่ประมาณ 4489.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Sep 12, 2023 10:18AM GMT+7

Sources: Investing 1, Investing 2