เศรษฐกิจในจีนเริ่มมีการเติบโตแต่ยังมีปัญหาจากหยวนที่อ่อนค่า
เงินหยวนกลับมาอ่อนค่าลงอีกครั้ง เนื่องจากมีความกังวลในการประชุมของธนาคารกลางหลายประเทศในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะธนาคารกลางสหรัฐ (FED), ธนาคารแห่งอังกฤษ (BoE) และธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BoJ) ที่จะมีการพูดถึงนโยบายในอนาคตและมีการคาดการณ์ด้วยว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในหลายๆ ประเทศในการประชุมที่จะถึงนี้
จากการประชุมของธนาคารที่กำลังเกิดขึ้นทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนไปยังสกุลเงินที่ความมั่นคงมากกว่า นอกจากนี้ การเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซาในจีนและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งจากธนาคารกลางจีน (PBOC) ทำให้หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่หยวนจะอ่อนค่าลงและมีโอกาสอ่อนค่าลงได้อีก
เมื่อเร็วๆ นี้ PBOC ได้ปรับลดอัตราส่วนเงินสำรองลง (RRR) 25 bps สำหรับทุกธนาคาร เพื่อรักษาสภาพคล่องของหยวนในแต่ละธนาคารและสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ นับเป็นการปรับลด RRR ครั้งที่ 2 ในปีนี้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยของธนาคารขนาดใหญ่อยู่ที่ 10.5% นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินหยวนทำให้ PBOC ได้กำหนดให้ลดอัตราส่วนสำรองเงินตราต่างประเทศลง 200 bps เป็น 4% โดยเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 15 กันยายน
ยอดค้าปลีกของจีนเพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YoY) ในเดือนสิงหาคม ถือว่าเกินการคาดการณ์ของตลาดไปอย่างมากที่ 3.0% แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีบางภาคส่วนที่ยอดขายยังคงลดลงอยู่ เช่นวัสดุก่อสร้าง เนื่องจากภาคอสังหาริมทรัพย์ยังคงเป็นหนึ่งส่วนที่มีความสำคัญต่อเศรษฐกิจจีน ทำให้รัฐต้องการที่จะกระตุ้นความต้องการสินเชื่อโดยรวมและรักษาเสถียรภาพของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหา
การผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนเพิ่มขึ้น 4.5% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YoY) ถือว่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจาก 3.7% ในเดือนกรกฎาคมและนับว่าเป็นการขยายตัวของผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน โดยภาคอุตสาหกรรมของจีนยังได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่หยุดชะงัก นอกจากนี้ รัฐยังต้องการที่จะกระตุ้นความต้องการสินเชื่อโดยรวมและรักษาเสถียรภาพของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่มีปัญหา
การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนขยายตัวเพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YoY) สู่ระดับ 32.70 ล้านล้านหยวนในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2566 แต่การลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์มีการลดลงถึง 8.8% ทำให้ราคาบ้านใหม่โดยเฉลี่ยในเมืองใหญ่ 70 เมืองของจีนลดลง 0.1% เมื่อเทียบเป็นรายปี เนื่องจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังคงอ่อนแอและปัญหาการว่างงานของจีนยังเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่ากังวลเช่นเดียวกัน
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 7.2979, 7.3006, 7.3028
แนวรับสำคัญ: 7.2931, 7.2910, 7.2883
ที่มา: Investing.com
จุดกลับตัว 19 กันยายน 2566 20:00 น. GMT+7
ชื่อ | S3 | S2 | S1 | จุดกลับตัว | R1 | R2 | R3 |
Classic | 7.2883 | 7.2910 | 7.2931 | 7.2958 | 7.2979 | 7.3006 | 7.3028 |
Fibonacci | 7.2910 | 7.2928 | 7.2939 | 7.2958 | 7.2977 | 7.2988 | 7.3006 |
Camarilla | 7.2938 | 7.2942 | 7.2947 | 7.2958 | 7.2955 | 7.2960 | 7.2964 |
Woodie's | 7.2879 | 7.2908 | 7.2927 | 7.2956 | 7.2975 | 7.3004 | 7.3024 |
DeMark's | - | - | 7.2944 | 7.2965 | 7.2992 | - | - |
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 7.2979 - 7.3006 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.3028 และ SL ที่ประมาณ 7.2910 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 7.2979 - 7.3006 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 7.2979 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.2910 และ SL ที่ประมาณ 7.3028 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 7.2910 - 7.2931 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.2883 และ SL ที่ประมาณ 7.3006 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
ตัวชี้วัดทางเทคนิค 19 กันยายน 2566 20:00 น. GMT+7
ชื่อ | มูลค่า | Action |
RSI(14) | 51.041 | ถือหุ้นไว้ |
STOCH(9,6) | 86.638 | ซื้อมากเกินไป |
STOCHRSI(14) | 83.168 | ซื้อมากเกินไป |
MACD(12,26) | 0.001 | ซื้อ |
ADX(14) | 42.701 | ซื้อ |
Williams %R | -15.385 | ซื้อมากเกินไป |
CCI(14) | 74.1069 | ซื้อ |
ATR(14) | 0.0094 | ผันผวนน้อยลง |
Highs/Lows(14) | 0.0038 | ซื้อ |
Ultimate Oscillator | 56.482 | ซื้อ |
ROC | 0.270 | ซื้อ |
Bull/Bear Power(13) | 0.0090 | ซื้อ |
ซื้อ:7 ขาย:0 ถือหุ้นไว้:1 สรุป:ซื้อทันที |