บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 26 กันยายน 2566

บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 26 กันยายน 2566
Create at 1 year ago (Sep 26, 2023 10:21)

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ้นรนท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น

เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญกับแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากมีการปรับลดลงจากสัปดาห์ก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลในหมู่นักลงทุนเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นและความเป็นไปได้ในการคงอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นยังคงเป็นประเด็นสำคัญสำหรับนักลงทุนที่กำลังรอข้อมูลทางเศรษฐกิจและคำแถลงจากผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในปลายสัปดาห์นี้เพื่อประเมินทิศทางในอนาคตของอัตราดอกเบี้ย

ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 มีการดีดตัวขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ หลังจากที่ร่วงลงมากที่สุดรายสัปดาห์ตั้งแต่เดือนมีนาคมเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยได้แรงหนุนจาก Amazon (NASDAQ:AMZN) และหุ้นกลุ่มพลังงานที่เพิ่มขึ้น โดยในบรรดาภาคส่วนธุรกิจในดัชนี S&P 500 หุ้นกลุ่มพลังงานเพิ่มขึ้น 1.3% ในขณะที่หุ้นกลุ่มวัสดุเพิ่มขึ้น 0.8% และหุ้นปลอดภัยอย่าง ธุรกิจสินค้าจำเป็นลดลง 0.4%

อย่างไรก็ตาม เดือนกันยายนได้กลายเป็นเดือนที่เลวร้ายที่สุดของ S&P 500 ในปี 2023 ที่ร่วงลงติดต่อกันเป็นเดือนที่สองและเป็นการลดลงรายเดือนที่มากที่สุดของปี ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงรายปีของ S&P 500 ที่เพิ่มขึ้นประมาณ 13% ในปีนี้ แม้ว่าจะร่วงลงไปแล้วประมาณ 5.5% นับตั้งแต่ปลายเดือนกรกฎาคม

โดยในขณะที่ไตรมาสที่สามใกล้จะสิ้นสุด นักลงทุนคาดการณ์ว่าการเคลื่อนไหวของตลาดอาจจะยังคงทรงตัวจนกว่าบริษัทต่างๆ จะรายงานผลประกอบการรายไตรมาสในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า

ในขณะเดียวกัน ท่ามกลางความผันผวนของตลาด หุ้นในกลุ่มพลังงานได้ปรับเพิ่มขึ้นและสนับสนุนตลาดในวงกว้าง โดยราคาน้ำมันยังคงเผชิญกับความผันผวน เนื่องจากนักลงทุนประเมินผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงเป็นเวลานานต่อเศรษฐกิจและความต้องการด้านพลังงาน

อีกด้าน นักลงทุนเริ่มมีความกังวลถึงความเป็นไปได้ที่การดำเนินงานของรัฐบาลสหรัฐฯ จะหยุดชะงัก โดยจากรายงานล่าสุดที่สภาคองเกรสยังไม่ได้ผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายที่จำเป็นแก่รัฐบาลหลังวันที่ 1 ตุลาคม ส่งผลให้หน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือ มูดี้ส์ ออกคำเตือนและระบุว่าการหยุดชะงักดังกล่าวอาจส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือทางเครดิตของประเทศ แต่คาดว่าผลกระทบทางเศรษฐกิจจะเกิดขึ้นเพียงระยะสั้น โดยวิลเลียม ฟอสเตอร์ นักวิเคราะห์ของมูดี้ส์ตั้งข้อสังเกตว่า การหยุดชะงักที่อาจเกิดขึ้นจะเป็นข้อเน้นย้ำถึงการแบ่งขั้วทางการเมืองในสหรัฐฯ ที่กำลังส่งผลเสียต่อการกำหนดนโยบายการคลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นต่อความสามารถในการจ่ายหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น

ทั้งนี้ ความวิตกกังวลของนักลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ได้ออกคำเตือนเมื่อเร็ว ๆ นี้ถึงอัตราดอกเบี้ยที่อาจยังคงอยู่ในระดับสูงต่อไปเป็นระยะเวลานาน ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งสูงขึ้น โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2007 และเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยแตะ 4.527% ในวันจันทร์ ในขณะเดียวกัน อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2006 เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ 5.129%

โดยปฏิทินทางเศรษฐกิจประจำสัปดาห์นี้ประกอบด้วยคำแถลงของเจ้าหน้าที่ Fed และการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ ในขณะที่ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ มีกำหนดขึ้นพูดในวันพฤหัสบดีนี้ และประธานเฟดแห่งนิวยอร์ก วิลเลียมส์ในวันศุกร์ โดยนักลงทุนจะติดตามข้อมูลดัชนีสินค้าคงทน ดัชนีการใช้จ่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลในเดือนสิงหาคมและผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศไตรมาสสองอย่างใกล้ชิด จึงอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมมีการปรับฐานขึ้นได้อยู่บ้าง ในขณะที่ในระยะนี้คาดว่าจะยังคงเผชิญกับแรงกดดันไปจนถึงทรงตัวและปรับตัวในกรอบอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD US 500 [S&P 500]

แนวต้านสำคัญ : 4337.5, 4341.8, 4348.9

แนวรับสำคัญ : 4323.3, 4319.0, 4311.9                   

5H Outlook

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มา: Investing.com                        

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 4313.3 - 4323.3 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 4323.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4337.5 และ SL ที่ประมาณ 4308.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 4337.5 - 4347.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4353.0 และ SL ที่ประมาณ 4318.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 4337.5 - 4347.5 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 4337.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4318.5 และ SL ที่ประมาณ 4352.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 4313.3 - 4323.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4305.0 และ SL ที่ประมาณ 4343.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Sep 26, 2023 09:42AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 4300 4311.9 4318.5 4330.4 4337 4348.9 4355.5
Fibonacci 4311.9 4319 4323.3 4330.4 4337.5 4341.8 4348.9
Camarilla 4319.9 4321.6 4323.3 4330.4 4326.7 4328.4 4330.1
Woodie's 4297.2 4310.5 4315.7 4329 4334.2 4347.5 4352.7
DeMark's - - 4315.2 4328.7 4333.7 - -

Sources: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blog
รู้เท่าทันข่าว&สถานการณ์โลก: News
บทวิเคราะห์เชิงเทคนิคขั้นสูง: Analysis
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES