ตลาดหุ้นดีดตัวจากความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ราคาพลังงานพุ่ง เฟดคลายความกังวล
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวสูงขึ้นในวันจันทร์ ฟื้นตัวหลังความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลาง ในขณะที่ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งได้รับแรงหนุนจากสงครามในอิสราเอล-ฮามาส มีอิทธิพลต่อดัชนีหลักสำคัญของวอลล์สตรีท โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคธุรกิจกลุ่มพลังงาน
เจ้าหน้าที่อาวุโสของกลุ่มฮามาสได้แสดงท่าทีที่เปิดกว้างต่อการอภิปรายเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการสงบศึกกับอิสราเอล ในขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน สั่งการประสานงานกับพันธมิตรระดับภูมิภาคเพื่อยับยั้งการแสวงหาผลประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าว
ทั้งนี้ ข่าวความขัดแย้งที่เกิดขึ้นได้กระตุ้นให้ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นเนื่องจากความกังวลด้านอุปทาน ก่อนที่ดัชนีหุ้นจะพลิกตัวกลับหลังจากการลดลงก่อนหน้านี้ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความเห็นเชิงบวกจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ในขณะที่นักลงทุนมุ่งความสนใจไปที่ประเด็นการเปลี่ยนแปลงที่มีสหรัฐฯ เป็นศูนย์กลาง ควบคู่ไปกับคำมั่นจากเฟดเกี่ยวกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว ที่ช่วยบรรเทาความกังวลในหมู่นักลงทุนในตลาดตราสารทุน
อีกด้าน สินทรัพย์ปลอดภัยแบบดั้งเดิมยังคงเป็นที่ต้องการ โดยทองคำเพิ่มขึ้น 1.6% ในขณะที่ดัชนีดอลลาร์สหรัฐฯ ร่วงลง 0.18% หลังจากเพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้
ทางด้านหุ้นบริษัท เชฟรอน คอร์ป เพิ่มขึ้นกว่า 3% หลังจากที่รัฐบาลอิสราเอลสั่งปิดการผลิตก๊าซธรรมชาติที่แท่นทามาร์ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัย โดยการเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มพลังงานในวงกว้างได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น และจากความกังวลถึงการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันในตะวันออกกลาง
จึงเป็นผลให้ภาคพลังงานของ S&P ได้กลายเป็นกลุ่มที่มีกำไรสูงสุดในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก 11 กลุ่มของ S&P 500 โดยปิดตัวเป็นบวกที่ 3.5% ท่ามกลางสายการบินต่างๆ รวมถึง United, Delta และ American Airlines ที่ระงับเที่ยวบินตรงไปยังเทลอาวีฟ ส่งผลให้หุ้นลดลงมากกว่า 4% ต่อสายการบิน และสร้างแรงกดดันต่อดัชนี S&P 500 ในกลุ่ม Passenger Airlines ซึ่งร่วงลง 3.7%
ในขณะเดียวกัน บริษัทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศพุ่งตัวสูงขึ้นจากข่าวของอิสราเอล โดยดัชนี S&P 500 Aerospace & Defense บันทึกเปอร์เซ็นต์ที่เพิ่มขึ้นสูงสุดในหนึ่งวันนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2020 นำโดยบริษัท Northrop Grumman และ L3Harris Technologies
ทั้งนี้ ในเซสชั่นการซื้อขายในวันอังคาร นักลงทุนจะติดตามดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจและคำแถลงจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ อย่างใกล้ชิด โดยในสัปดาห์นี้ยังรวมถึงการเผยแพร่รายงานอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญที่อาจส่งผลต่อการตัดสินใจของเฟดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ในขณะที่รายงานผลประกอบการจากธนาคารใหญ่ๆ เริ่มด้วย JPMorgan Chase ในช่วงปลายสัปดาห์นี้ จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเศรษฐกิจ โดยมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลสินเชื่อผู้บริโภคและแนวโน้มการใช้จ่าย จึงอาจส่งผลให้แนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมอาจถูกกดันได้อยู่ จากความผันผวนและความเปราะบางของเศรษฐกิจทั่วโลก รวมถึงแนวโน้มต้นทุนราคาพลังงานและราคาการกู้ยืมที่ยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD US 500 [S&P 500]
แนวต้านสำคัญ : 4339.1, 4341.6, 4345.7
แนวรับสำคัญ : 4330.9, 4328.4, 4324.3
5H Outlook
ที่มา: Investing.com
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 4310.9 - 4330.9 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 4330.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4340.8 และ SL ที่ประมาณ 4300.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 4339.1 - 4359.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4370.0 และ SL ที่ประมาณ 4320.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 4339.1 - 4359.1 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 4339.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4330.1 และ SL ที่ประมาณ 4369.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 4310.9 - 4330.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4290.0 และ SL ที่ประมาณ 4349.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Oct 10, 2023 08:45AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 4319.4 | 4324.3 | 4330.1 | 4335 | 4340.8 | 4345.7 | 4351.5 |
Fibonacci | 4324.3 | 4328.4 | 4330.9 | 4335 | 4339.1 | 4341.6 | 4345.7 |
Camarilla | 4333.1 | 4334 | 4335 | 4335 | 4337 | 4338 | 4338.9 |
Woodie's | 4320 | 4324.6 | 4330.7 | 4335.3 | 4341.4 | 4346 | 4352.1 |
DeMark's | - | - | 4327.3 | 4333.6 | 4337.9 | - | - |
Sources: Investing 1, Investing 2