ธุรกิจบางส่วนในแคนาดาเริ่มมีการฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย
ดอลลาร์แคนาดาเริ่มกลับมาแข็งค่าขึ้นอีกครั้ง แต่ภาพรวมของเศรษฐกิจในแคนาดายังถือว่าซบเซา อีกทั้งยังมีการคาดการณ์ว่า GDP ในไตรมาสที่ 3 ที่ผ่านมา จะมีการเติบโตอยู่ที่ 0% เหมือนกับไตรมาสที่ 2 แม้ว่าการส่งออกจะเพิ่มมากขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ ปัญหาด้านต้นทุนที่เกิดจากการเพิ่มดอกเบี้ยยังทำให้ค่าใช้จ่ายของบริษัทโดยรวมเพิ่มขึ้น อีกทั้งการใช้จ่ายสินค้าอุปโภคบริโภคของภาคครัวเรื่อนก็มีการลดลงเช่นเดียวกัน
การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลแคนาดาเพิ่มขึ้นเป็น 4.86 พันล้านดอลลาร์แคนาดา โดยที่รายได้เพิ่มขึ้น 0.4% ในขณะที่ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นถึง 1.2% อีกทั้งการขึ้นดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมาทำให้ค่าใช้จ่ายหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นถึง 29.9% และเมื่อรวมกับการขาดดุลงบประมาณต่อเนื่องอาจทำให้เกิดปัญหาในระยะยาวได้
ดุลการค้าในแคนาดามีการเกินดุล 0.72 พันล้านดอลลาร์แคนาดาในเดือนสิงหาคม นับว่าเป็นการเกินดุลอีกครั้งตั้งแต่เดือนเมษายน แม้ว่าการนำเข้าจะเพิ่มขึ้น แต่การส่งออกของแคนาดาก็มีการเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น 3.8% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน (MoM) คิดเป็น 63.8 พันล้านดอลลาร์แคนาดา โดยการซื้อเคมีภัณฑ์จากสวิตเซอร์แลนด์ยังมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องรวมถึงเครื่องจักรและอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการผลิต
การส่งออกของแคนาดาเพิ่มขึ้น 5.7% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน (MoM) คิดเป็น 64.6 พันล้านดอลลาร์แคนาดา ซึ่งการส่งออกส่วนใหญ่ยังเป็นแร่โลหะต่างๆ เช่น ทองคำที่ยังไม่ได้ขึ้นรูป, เงินและแพลทินัมที่มีการส่งออกเพิ่มขึ้นถึง 89.5% และนับว่าเป็นการส่งออกแร่โลหะสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 8.5 พันล้านดอลลาร์ อีกทั้งมูลค่าการส่งออกพลังงานรวมถึงน้ำมันดิบก็มีการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเช่นกัน
PMI ภาคการผลิตลดลงเหลือ 47.5 ตัวเลขนี้ชี้ให้เห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจากธนาคารแห่งแคนาดากำลังส่งผลกระทบมากขึ้นในไตรมาสที่ 3 ทำให้คำซื้อใหม่หดตัวลงอย่างรวดเร็วทั้งในประเทศและต่างประเทศเนื่องจากต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น และกดดันไปถึงกิจกรรมต่างๆ รวมถึงอาจจำเป็นต้องลดจำนวนพนักงงานลง
อัตราการว่างงานยังคงตัวอยู่ที่ 5.5% ในเดือนสิงหาคม เมื่อดูเป็นจำนวนคนพบว่ามีการเพิ่มขึ้น 8.1 พันคน เป็น 1.189 ล้านคน โดยที่ตัวเลขนี้ยังแสดงให้เห็นถึงการชะลอตัวของตลาดแรงงานตั้งแต่ปีที่แล้ว อีกทั้งอัตราการว่างงานในตอนนี้ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิด Covid 19 อีกด้วย ซึ่งบ่งบอกได้ถึงเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 1.3593, 1.3606, 1.3613
แนวรับสำคัญ: 1.3573, 1.3566, 1.3553
ที่มา: Investing.com
จุดกลับตัว 10 ตุลาคม 2566 11:02 น. GMT+7
ชื่อ | S3 | S2 | S1 | จุดกลับตัว | R1 | R2 | R3 |
Classic | 1.3553 | 1.3566 | 1.3573 | 1.3586 | 1.3593 | 1.3606 | 1.3613 |
Fibonacci | 1.3566 | 1.3574 | 1.3578 | 1.3586 | 1.3594 | 1.3598 | 1.3606 |
Camarilla | 1.3575 | 1.3577 | 1.3579 | 1.3586 | 1.3582 | 1.3584 | 1.3586 |
Woodie's | 1.3551 | 1.3565 | 1.3571 | 1.3585 | 1.3591 | 1.3605 | 1.3611 |
DeMark's | - | - | 1.3570 | 1.3584 | 1.3590 | - | - |
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3593 - 1.3606 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3613 และ SL ที่ประมาณ 1.3566 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3593 - 1.3606 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.3593 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3566 และ SL ที่ประมาณ 1.3613 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.3566 - 1.3573 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3553 และ SL ที่ประมาณ 1.3606 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
ตัวชี้วัดทางเทคนิค 10 ตุลาคม 2566 11:02 น. GMT+7
ชื่อ | มูลค่า | Action |
RSI(14) | 35.808 | ขาย |
STOCH(9,6) | 25.934 | ขาย |
STOCHRSI(14) | 0.000 | ขายมากเกินไป |
MACD(12,26) | -0.001 | ขาย |
ADX(14) | 45.365 | ขาย |
Williams %R | -94.860 | ขายมากเกินไป |
CCI(14) | -162.6769 | ขาย |
ATR(14) | 0.0037 | ผันผวนน้อยลง |
Highs/Lows(14) | -0.0072 | ขาย |
Ultimate Oscillator | 37.303 | ขาย |
ROC | -1.430 | ขาย |
Bull/Bear Power(13) | -0.0146 | ขาย |
ซื้อ:0 ขาย:9 ถือหุ้นไว้:0 สรุป:ขายทันที |