BoE คงอัตราดอกเบี้ย ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่า
อัตราแลกเปลี่ยน GBP/USD ยังคงทรงตัว เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ ภาวะถดถอยที่อาจเกิดขึ้น และอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูง หลังจาก BoE ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 5.25% เพื่อต่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับที่สูงที่สุดในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจหลัก โดยแม้ BoE จะยอมรับว่าเศรษฐกิจอาจกำลังเข้าใกล้ภาวะถดถอยและพบการเติบโตที่ชะลอตัว แต่ยังคงเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการรักษาต้นทุนการกู้ยืมให้สูง โดยเน้นไปที่การบริโภค ซึ่งคิดเป็นประมาณ 60% ของ GDP
ในขณะเดียวกัน การจ้างงานในสหราชอาณาจักรเผชิญกับความท้าทาย รวมถึงตลาดแรงงานที่เริ่มเย็นตัวลง ความลำบากในการปรับขึ้นอัตราเงินเดือนเพื่อเพิ่มความน่าดึงดูด และจำนวนผู้สมัครที่น้อยลง โดยการปรับลดลงในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจาก "การลาออกครั้งใหญ่" ในช่วงโควิด-19 ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เพิ่มมูลค่าตลาดของบริษัทจัดหางานในสหราชอาณาจักร
อีกด้าน ในงานแถลงเมื่อเร็วๆ นี้ที่ King's College London แอนดรูว์ เฮาเซอร์จาก BoE ได้กล่าวถึงความท้าทายที่สำคัญสามประการสำหรับธนาคารกลาง คือ การจัดการกับ Bank run จากเทคโนโลยีที่อาจเกิดขึ้นในกลุ่มธนาคาร การจัดการขนาดงบดุลของธนาคารกลางในบริบทของเป้าหมายเงินเฟ้อ และการรักษาเสถียรภาพของระบบการเงิน ในช่วงที่สภาพคล่องของระบบเกิดการหยุดชะงัก หลังจากที่เกิดเหตุการณ์การถอนเงินฝากอย่างรวดเร็วตามธนาคารต่างๆ (Bank run) อย่าง Silvergate Capital, Silicon Valley Bank, Signature Bank และ First Republic Bank โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นของความยืดหยุ่นในระบบการเงิน ส่งผลให้เฮาเซอร์กล่าวว่า BoE ได้เพิ่มทุนสำรองเกินกว่าระดับก่อนปี 2008 เพื่อรักษาเสถียรภาพและควบคุมระบบเงินตราให้มั่นคงยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ BoE เชื่อว่าสหราชอาณาจักรได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเมื่อเร็วๆ นี้เพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น และอาจได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจมากขึ้นต่อจากนี้ ท่ามกลางความกังวลว่าเศรษฐกิจจะสามารถทนต่อผลกระทบทั้งหมดได้หรือไม่ ซึ่งได้นำไปสู่ความคาดหวังของตลาดในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอีกเก้าเดือนข้างหน้า
ในขณะเดียวกัน ในเดือนตุลาคม ต้นทุนวัตถุดิบในภาคบริการของสหราชอาณาจักรได้รับผลกระทบเล็กน้อยจากค่าใช้จ่ายวัตถุดิบที่ลดลงและส่วนลดจากซัพพลายเออร์ ในขณะที่แรงกดดันด้านค่าจ้างและเชื้อเพลิงยังคงสูง ส่งผลให้ภาคบริการสูญเสียโมเมนตัมเป็นเดือนที่สามติดต่อกันจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงและแรงกดดันด้านค่าครองชีพ ที่ส่งผลให้อุปสงค์ลดลง ในขณะที่คำสั่งซื้อใหม่ในภาคการผลิตลดลง จากอุปสงค์ในประเทศที่อ่อนแอ แม้ว่าคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ ทั้งจากสหรัฐฯ และตะวันออกกลางจะยังคงแข็งแกร่งก็ตาม
ทางด้านอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษลดลงอย่างรวดเร็ว หลังจากที่นักลงทุนมีความกังวลต่อแนวโน้มเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ตามรายงานจาก BoE ซึ่งส่งสัญญาณถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยแม้ในเดือนกันยายน อัตราเงินเฟ้อของราคาผู้บริโภคในสหราชอาณาจักรจะอยู่ที่ 6.7% ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ BoE ก็คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 4.8% ในเดือนตุลาคม ในขณะที่การเติบโตของค่าจ้างที่แข็งแกร่งยังคงน่ากังวล และอาจส่งผลให้เกิดแรงกดดันด้านราคาต่อไป
อีกด้าน เงินดอลลาร์สหรัฐฯ ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหกสัปดาห์เนื่องจากการเติบโตของการจ้างงานต่ำกว่าที่คาดไว้ในเดือนตุลาคม โดยแม้ดอลลาร์อาจอ่อนค่าลงได้ในช่วงฤดูกาลปลายปีนี้ แต่ก็คาดว่าจะยังคงความแข็งแกร่งไว้ได้จนถึงสิ้นปี 2023 โดยได้แรงหนุนจากผลการดำเนินงานระดับมหภาคของสหรัฐฯ และนโยบายแบบเข้มงวดจาก Fed
ทั้งนี้ ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ชะลอตัวในเดือนตุลาคม โดยได้รับผลกระทบจากการประท้วงหยุดงานในอุตสาหกรรมยานยนต์ ขณะที่อัตราการว่างงานสูงถึง 3.9% และการเติบโตของค่าจ้างชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองปีครึ่งที่ 4.1%
นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังสอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ลดลง จากอุปทานพันธบัตรระยะยาวที่เพิ่มขึ้นน้อยกว่าที่คาดไว้ และได้ลดโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคมจากเกือบ 20% เหลือน้อยกว่า 5%
โดยแม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ อาจชะลอตัวในไตรมาสต่อๆ ไป และมาตรการผ่อนคลายของเฟดในปี 2024 อาจส่งผลให้เงินดอลลาร์อ่อนค่าลง แต่ข้อมูลล่าสุด ยังคงแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง โดยราคาผู้บริโภคและ GDP ในไตรมาสที่สามที่สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่พาวเวลล์กล่าวถึงความเป็นไปได้ในการกระชับนโยบายเพิ่มเติม โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการตัดสินใจด้วยความระมัดระวัง จากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ จึงอาจส่งผลให้เงินปอนด์มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นลงในกรอบแคบๆ ได้ในช่วงนี้ จากผลตอบแทนของสองประเทศที่ไม่ต่างกันมาก หากไม่มีเหตุการณ์รุนแรงที่ส่งกระทบต่อความเปราะบางของเศรษฐกิจโลกมากกว่านี้
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD GBP/USD
แนวต้านสำคัญ : 1.2376, 1.2379, 1.2384
แนวรับสำคัญ : 1.2366, 1.2363 , 1.2358
5H Outlook
30Min Outlook
ที่มา: Investing.com
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.2356 - 1.2366 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.2366 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2377 และ SL ที่ประมาณ 1.2351 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2376 - 1.2386 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2390 และ SL ที่ประมาณ 1.2361 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2376 - 1.2386 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้าน 1.2376 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2364 และ SL ที่ประมาณ 1.2391 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.2356 - 1.2366 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2351 และ SL ที่ประมาณ 1.2381 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Nov 06, 2023 10:29AM GMT+7
Name | S3 | S2 | S1 | Pivot Points | R1 | R2 | R3 |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.2351 | 1.2358 | 1.2364 | 1.2371 | 1.2377 | 1.2384 | 1.2390 |
Fibonacci | 1.2358 | 1.2363 | 1.2366 | 1.2371 | 1.2376 | 1.2379 | 1.2384 |
Camarilla | 1.2366 | 1.2368 | 1.2369 | 1.2371 | 1.2371 | 1.2372 | 1.2374 |
Woodie's | 1.2351 | 1.2358 | 1.2364 | 1.2371 | 1.2377 | 1.2384 | 1.2390 |
DeMark's | - | - | 1.2361 | 1.2369 | 1.2374 | - | - |
Sources: Investing 1, Investing 2