การเติบโตของเศรษฐกิจในยูโรโซนอาจชะลอตัวลงเล็กน้อย
เงินยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังจากรายงานการประชุม FOMC ล่าสุดแสดงให้เห็นว่าผู้กำหนดนโยบายของ Fed มีความระมัดระวังมากขึ้นในการปรับอัตราดอกเบี้ยในอนาคตและยังคงเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ 2% เท่าเดิม นอกจากนี้นักลงทุนกำลังรอการเปิดเผยรายงานการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันพฤหัสบดี โดย Christine Lagarde ประธาน ECB และผู้กำหนดนโยบาย Villeroy de Galhau ที่แสดงจุดยืนว่าจะทำการคงอัตราดอกเบี้ยที่สูงนี้ไว้อีกหลายไตรมาส
อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนลดลงมาอยู่ที่ 2.9% เมื่อเทียบเป็นรายปี (YoY) ในเดือนตุลาคม แต่ยังเกินเป้าหมายของ ECB ที่ 2% โดยได้รับแรงหนุนจากราคาพลังงานที่ลดลงและการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อในภาคส่วนอาหาร โดยต้นทุนพลังงานลดลง 11.2% ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อสำหรับ อาหารและเครื่องดื่มลดลงเหลือ 7.4% ซึ่งถือว่าอัตราเงินเฟ้อเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องและมีแนวโน้มที่ดีมากขึ้น
การคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) ในยูโรโซนคาดว่าจะเติบโต 0.6% ภายในปี 2023 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ที่ 0.8% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงอยู่แม้ว่าจะมีการลดลงมาบ้างแล้วก็ตาม, อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นตั้งแต่ต้นปีและอุปสงค์จากต่างประเทศที่อ่อนตัวลงทำให้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจยุโรป โดยที่เยอรมนีที่เป็นประเทศเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มคาดว่าจะหดตัว 0.3% ในปีนี้
ด้านการผลิตภาคอุตสาหกรรมยังคงน่าเป็นห่วง โดยลดลง 1.1% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน (MoM) ในเดือนกันยายน ซึ่งเกิดจากผลผลิตในหลายภาคส่วนมีการลดลง อีกทั้งอุปสงค์ที่หดตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศก็ยังเป็นที่น่ากังวล เมื่อเทียบเป็นรายปีพบว่ากิจกรรมทางอุตสาหกรรมหดตัว 6.9% ในเดือนกันยายน ซึ่งเป็นการลดลงที่ใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิถุนายน
ยูโรโซนมีการเกินดุลการค้า 10 พันล้านยูโรในเดือนกันยายนปี ซึ่งเพิ่มขึ้นมากถึง 29.8 พันล้านยูโรจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว โดยการนำเข้าลดลงอย่างมากถึง 23.9% ลดลงเป็น 225.8 พันล้านยูโร การนำเข้าที่ลดลงนี้มาจากการซื้อพลังงานที่ลดลง 33.4% และวัตถุดิบที่ลดลง 21.7% ในขณะที่การส่งออกลดลงเล็กน้อยที่ 9.3% คิดเป็น 260 พันล้านยูโร
การเกินดุลการค้าและการเกินดุลบริการส่งผลให้ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลที่ 40.78 พันล้านยูโร ซึ่งมากที่สุดในรอบ 2 ปี โดยการเกินดุลบริการเพิ่มขึ้นเป็น 16.11 พันล้านยูโร จาก 14.33 พันล้านยูโร ซึ่งเกิดจากภาคการท่องเที่ยวที่มีความครึกครื้นมากขึ้นและค่าใช้จ่ายที่ลดลงจากราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวลง
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 0.9172, 0.9185, 0.9192
แนวรับสำคัญ: 0.9152, 0.9145, 0.9132
ที่มา: Investing.com
จุดกลับตัว 22 พฤศจิกายน 2566 19:15 น. GMT+7
ชื่อ | S3 | S2 | S1 | จุดกลับตัว | R1 | R2 | R3 |
Classic | 0.9132 | 0.9145 | 0.9152 | 0.9165 | 0.9172 | 0.9185 | 0.9192 |
Fibonacci | 0.9145 | 0.9153 | 0.9157 | 0.9165 | 0.9173 | 0.9177 | 0.9185 |
Camarilla | 0.9155 | 0.9157 | 0.9159 | 0.9165 | 0.9162 | 0.9164 | 0.9166 |
Woodie's | 0.9130 | 0.9144 | 0.9150 | 0.9164 | 0.9170 | 0.9184 | 0.9190 |
DeMark's | - | - | 0.9149 | 0.9163 | 0.9169 | - | - |
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 0.9172 - 0.9185 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.9192 และ SL ที่ประมาณ 0.9145 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 0.9172 - 0.9185 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 0.9172 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.9145 และ SL ที่ประมาณ 0.9192 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 0.9145 - 0.9152 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.9132 และ SL ที่ประมาณ 0.9185 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
ตัวชี้วัดทางเทคนิค 22 พฤศจิกายน 2566 19:15 น. GMT+7
ชื่อ | มูลค่า | Action |
RSI(14) | 44.246 | ขาย |
STOCH(9,6) | 59.170 | ซื้อ |
STOCHRSI(14) | 100.000 | ซื้อมากเกินไป |
MACD(12,26) | -0.003 | ขาย |
ADX(14) | 34.034 | ถือหุ้นไว้ |
Williams %R | -20.795 | ซื้อ |
CCI(14) | 95.3792 | ซื้อ |
ATR(14) | 0.0021 | ผันผวนน้อยลง |
Highs/Lows(14) | 0.0011 | ซื้อ |
Ultimate Oscillator | 58.721 | ซื้อ |
ROC | -0.098 | ขาย |
Bull/Bear Power(13) | 0.0026 | ซื้อ |
ซื้อ:6 ขาย:3 ถือหุ้นไว้:1 สรุป:ซื้อทันที |