บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นเอเชีย วันที่ 28 พฤศจิกายน 2566

Create at 11 months ago (Nov 28, 2023 11:01)

หุ้นเอเชียร่วงจากความกังวลเศรษฐกิจจีน นลท. จับตาดัชนีเศรษฐกิจเพิ่มเติม

หุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลดลงในวันจันทร์ โดยได้รับอิทธิพลจากสัญญาณที่อ่อนแอจากประเทศจีน และความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นต่อการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญตลอดทั้งสัปดาห์ ตลาดหุ้นจีน โดยเฉพาะดัชนี Shanghai Shenzhen CSI 300 และ SSEC เป็นดัชนีที่มีผลงานย่ำแย่ที่สุดของวัน โดยลดลง 1.1% และ 0.7% ตามลำดับ จากข้อมูลที่บ่งชี้ว่าผลกำไรทางอุตสาหกรรมของจีนลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนถึงความท้าทายอย่างต่อเนื่องในภาคเศรษฐกิจหลักของประเทศ ขณะที่นักลงทุนยังคงรอคอยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจากทางการจีน

ในขณะเดียวกัน ธนาคารกลางจีนเปิดเผยรายงานการดำเนินงานตามนโยบายรายไตรมาส โดยเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการลดความเสี่ยงเชิงระบบ และใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดและตรงเป้าหมายเพื่อรองรับอุปสงค์ในประเทศ แม้จะมีสัญญาณบ่งบอกถึงเศรษฐกิจจีนที่มีแรงผลักดันเพิ่มขึ้น ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ไม่สมดุล และรากฐานที่ไม่มั่นคงในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ

อย่างไรก็ดี ผลกำไรของบริษัทอุตสาหกรรมในจีนขยายตัวเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สามติดต่อกันในเดือนตุลาคม แม้ว่าจะขยายตัวในอัตราที่ช้าลง ซึ่งบ่งชี้ถึงความต้องการการสนับสนุนนโยบายเพิ่มเติมจากปักกิ่ง หลังจากที่จีนได้ดำเนินมาตรการนโยบายต่างๆ ตลอดทั้งปีเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวหลังการแพร่ระบาด โดยมุ่งจัดการกับประเด็นปัญหาต่างๆ เช่น การชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ ความเสี่ยงเกี่ยวกับหนี้ของรัฐบาลท้องถิ่น การชะลอตัวของการเติบโตทั่วโลก และความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

ทางด้าน Nikkei 225 ของญี่ปุ่นร่วงลง 0.5% จากระดับสูงสุดในรอบ 33 ปีของสัปดาห์ก่อน จากข้อมูล PMI ที่อ่อนแอ และได้สร้างความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของกิจกรรมทางธุรกิจในญี่ปุ่น ซึ่งทวีความรุนแรงขึ้นจากความต้องการที่ซบเซาในตลาดส่งออกหลัก ขณะที่แนวโน้มท่าทีนโยบายผ่อนคลายจากธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นยังคงสนับสนุนตลาดหุ้นญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความท้าทายที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ Nikkei มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่า 8% ในเดือนพฤศจิกายน

ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเผชิญกับการเติบโตของราคาผู้บริโภคพื้นฐานเล็กน้อยในเดือนตุลาคม ซึ่งตอกย้ำอัตราเงินเฟ้อที่คงอยู่ และอาจกระตุ้นให้ธนาคารกลางญี่ปุ่นพิจารณาถึงมาตรการกระตุ้นทางการเงินในปัจจุบันอีกครั้ง

ในขณะเดียวกัน ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในเดือนตุลาคม แม้ว่าจะเกิดการหยุดชะงักของผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำอย่าง Toyota ที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อข้อมูล ขณะที่ผลผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม การสำรวจธุรกิจในเดือนพฤศจิกายนเผยให้เห็นกิจกรรมโรงงานหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 โดยเน้นย้ำให้เห็นถึงความเปราะบางทางเศรษฐกิจท่ามกลางอุปสงค์ที่อ่อนตัวและอัตราเงินเฟ้อ โดยเศรษฐกิจญี่ปุ่นได้เผชิญกับความท้าทายจากการชะลอตัวในเศรษฐกิจแหล่งส่งออกหลัก โดยเฉพาะจีน ในขณะที่รัฐบาลญี่ปุ่นปรับลดมุมมองเศรษฐกิจเดือนพฤศจิกายน โดยอ้างถึงอุปสงค์ที่อ่อนแอซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายด้านทุนและการใช้จ่ายของผู้บริโภค ตามมาด้วยข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงเศรษฐกิจที่หดตัวในเดือนกรกฎาคม-กันยายนเป็นครั้งแรกในรอบสามไตรมาส

ทางด้านการขยายตัวทางเศรษฐกิจของอินเดีย มีแนวโน้มชะลอลงในไตรมาสเดือนกันยายน แต่ยังคงความแข็งแกร่ง โดยได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมการบริการที่แข็งแกร่งและอุปสงค์ในเมือง โดยการเติบโตของ GDP ของประเทศคาดว่าจะชะลอตัวลงมาอยู่ที่ 6.8% จาก 7.8% ในไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งสะท้อนถึงการชะลอตัวเพียงเล็กน้อย เมื่อเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจตกต่ำทั่วโลก ขณะที่ความต้องการของผู้บริโภคซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของ GDP ยังคงแข็งแกร่ง ท่ามกลางมรสุมที่ไม่แน่นอน

ทั้งนี้ ประเด็นสำคัญที่จะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้จะอยู่ที่ข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของจีนในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในวันพฤหัสบดี โดยคาดว่าจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับกิจกรรมทางธุรกิจได้ หลังจาก PMI ที่อ่อนแออย่างมากในเดือนตุลาคม ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลการดำเนินงานทางเศรษฐกิจของจีน ที่ได้ส่งผลกระทบในวงกว้างต่อดัชนีเอเชีย จากการมีบทบาทในการเป็นจุดหมายปลายทางทางการค้าที่สำคัญในภูมิภาค

นอกจากนี้ ความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นจากข้อมูล PMI ที่อ่อนแอจากญี่ปุ่น ยูโรโซน และสหรัฐอเมริกา ยังส่งผลและบั่นทอนต่อมุมมองเชิงบวกก่อนหน้านี้ในตลาดเอเชีย และอาจนำไปสู่แรงกดดันเพิ่มเติมหากนักลงทุนตัดสินใจที่จะเก็บเกี่ยวผลกำไรล่าสุด

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD JP225 Nikkei 225 Futures - Dec 23

แนวต้านสำคัญ : 33399.2, 33421.2, 33456.7

แนวรับสำคัญ : 33328.2, 33306.2, 33270.7              

1H Outlook  

วิเคราะห์ตลาดหุ้นเอเชีย ที่มา: Investing.com                                                     

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 33286.2 - 33328.2 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 33328.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33399.2 และ SL ที่ประมาณ 33265.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 33399.2 - 33441.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33480.0 และ SL ที่ประมาณ 33307.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 33399.2 - 33441.2 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 33399.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33304.4 และ SL ที่ประมาณ 33462.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 33286.2 - 33328.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33215.0 และ SL ที่ประมาณ 33420.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Nov 28, 2023 09:54AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 33211.4 33270.7 33304.4 33363.7 33397.4 33456.7 33490.4
Fibonacci 33270.7 33306.2 33328.2 33363.7 33399.2 33421.2 33456.7
Camarilla 33312.4 33320.9 33329.5 33363.7 33346.5 33355.1 33363.6
Woodie's 33198.4 33264.2 33291.4 33357.2 33384.4 33450.2 33477.4
DeMark's - - 33334 33378.5 33427 - -

Sources: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: Blog
รู้เท่าทันข่าว&สถานการณ์โลก: News
บทวิเคราะห์เชิงเทคนิคขั้นสูง: Analysis
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES