เศรษฐกิจอินเดียยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง
เงินรูปีของอินเดียอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ประมาณ 83.3 รูปีต่อดอลลาร์สหรัฐ การอ่อนค่าของรูปีได้ทำจุดต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากความต้องการดอลลาร์ที่เพิ่มขึ้นโดยดูจาก DXY ที่กลับมาเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังส่งผลให้มีเงินทุนไหลออกจากอินเดียเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย มีการรายงานจาก RBI ว่านักลงทุนต่างชาติเลิกสินทรัพย์ในสกุลเงินรูปี โดยนักลงทุนมียังความกังวลเรื่องเศรษฐกิจอินเดีย เนื่องจากราคาน้ำมันที่ผันผวนได้เพิ่มความเปราะบางของอินเดียให้สูงขึ้นรวมถึงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่สูงยังคงกดดันเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
เศรษฐกิจอินเดียขยายตัว 7.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสที่ 3 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ที่ 6.8% โดยปัจจัยหลักที่ส่งเสริมการเติบโตของอินเดียคือภาคการผลิตที่มีการเพิ่มขึ้นถึง 13.9% อีกทั้ง ภาคการก่อสร้างเพิ่มขึ้น 13.3% ที่บ่งบอกถึงการขยายตัวได้ดีของเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันภาคเกษตรกรรมขยายตัวเพียง 1.2% เนื่องจากปัญหาฝนตกหนักทั่วประเทศ ในด้านรายจ่าย การใช้จ่ายภาครัฐเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วคิดเป็น 12.4% โดยเป็นการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานเป็นส่วนใหญ่
PMI ภาคการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 56.0 ในเดือนพฤศจิกายน จาก 55.5 ในเดือนตุลาคม นับว่าเป็นการขยายตัวของกิจกรรมโรงงานเดือนที่ 29 ติดต่อกัน โดยได้รับแรงหนุนจากผลผลิตที่ขยายตัวในอัตราที่สูงกว่าที่คาด, การเติบโตของคำสั่งซื้อใหม่และยอดขายต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 20 ติดต่อกัน นอกจากนี้ การจ้างงานยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ซึ่งสวนทางกับต้นทุนด้านวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยเท่านั้น
มูลค่าของสินเชื่อในอินเดียเพิ่มขึ้น 20.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งเป็นตัวเลขที่แตะระดับสูงสุดตลอดกาล โดยการขอสินเชื่อที่เพิ่มขึ้นอย่างมากนับว่าเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งเสริมเศรษฐกิจโดยรวมของอินเดีย แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการใช้จ่ายของครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นและความสามารถในการขยายกิจการของบริษัทในประเทศ
ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในอินเดียกลับมาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็น 597,940 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากมีการลดลงอย่างมากในไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา โดยมีการรายงานว่า RBI ได้มีการขายทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเป็นจำนวนมากเพื่อสนับสนุนค่าเงินเงินรูปีไม่ให้อ่อนค่ามากเกินไปและแก้ปัญหาสภาพคล่องที่เกิดจากเงินทุนต่างประเทศที่ลดลงจนส่งผลให้เกิดเงินเฟ้อที่เกิดจากการนำเข้าสินค้าและบริการที่เพิ่มขึ้นของอินเดีย
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอินเดียอายุ 10 ปีลดลงเหลือประมาณ 7.25% หลังจากแตะระดับสูงสุดที่ 7.3% ได้รับผลกระทบจากอัตราผลตอบของสหรัฐฯ ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 4.9% แต่ทางด้าน RBI ได้ส่งสัญญาณว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้ออาจเกิดขึ้นมาอีกครั้งและอาจจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้น
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 83.418, 83.454, 83.478
แนวรับสำคัญ: 83.357, 83.332, 83.296
ที่มา: Investing.com
จุดกลับตัว 5 ธันวาคม 2566 14:56 น. GMT+7
ชื่อ | S3 | S2 | S1 | จุดกลับตัว | R1 | R2 | R3 |
Classic | 83.296 | 83.332 | 83.357 | 83.393 | 83.418 | 83.454 | 83.478 |
Fibonacci | 83.332 | 83.355 | 83.370 | 83.393 | 83.416 | 83.431 | 83.454 |
Camarilla | 83.365 | 83.370 | 83.376 | 83.393 | 83.387 | 83.393 | 83.398 |
Woodie's | 83.290 | 83.329 | 83.351 | 83.390 | 83.412 | 83.451 | 83.472 |
DeMark's | - | - | 83.345 | 83.387 | 83.406 | - | - |
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 83.418 - 83.454 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.478 และ SL ที่ประมาณ 83.332 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 83.418 - 83.454 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 83.418 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.332 และ SL ที่ประมาณ 83.478 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 83.332 - 83.357 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.296 และ SL ที่ประมาณ 83.454 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
ตัวชี้วัดทางเทคนิค 5 ธันวาคม 2566 14:56 น. GMT+7
ชื่อ | มูลค่า | Action |
RSI(14) | 55.390 | ซื้อ |
STOCH(9,6) | 53.122 | ถือหุ้นไว้ |
STOCHRSI(14) | 85.587 | ซื้อมากเกินไป |
MACD(12,26) | 0.012 | ซื้อ |
ADX(14) | 44.036 | ซื้อ |
Williams %R | -46.031 | ถือหุ้นไว้ |
CCI(14) | 58.5906 | ซื้อ |
ATR(14) | 0.1027 | ผันผวนน้อยลง |
Highs/Lows(14) | 0.0039 | ซื้อ |
Ultimate Oscillator | 44.901 | ขาย |
ROC | 0.004 | ซื้อ |
Bull/Bear Power(13) | 0.0614 | ซื้อ |
ซื้อ:7 ขาย:1 ถือหุ้นไว้:2 สรุป:ซื้อทันที |