การเติบโตของเศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัวลงในระยะกลาง
เงินหยวนของจีนเริ่มกลับมาอ่อนค่าลงเล็กน้อย หลังจากแข็งค่าขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากธนาคารรายใหญ่ของจีนรายงานว่าได้มีการกลับมาขายดอลลาร์สหรัฐฯ อีกครั้งเพื่อหนุนเงินหยวนจากการอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ Moody's ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีนทำให้ส่งผลกระทบต่อค่าเงินโดยตรง ทางด้านนักลงทุนเองมองไปยังการประชุม Politburo และการประชุม Central Economic Work Conference ประจำปี ซึ่งทางการจีนคาดว่าจะมีการพูดเกี่ยวกับแผนนโยบายและเป้าหมายทางเศรษฐกิจในปี 2024
Moody's คงอันดับเครดิตจีนที่ A1 เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา แต่ปรับแนวโน้มจาก "Stable" เป็น "Negative" โดยมีการพูดถึงความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นจากการเติบโตทางเศรษฐกิจระยะกลางที่ลดลงและการปรับโครงสร้างอย่างต่อเนื่องของภาคอสังหาริมทรัพย์ นอกจากนี้ การช่วยเหลือจากรัฐบาลที่มากเกินไปยังส่งผลเชิงลบต่อทางการคลังของจีน ทั้งนี้ Moody's ได้มีการคาดการณ์การเติบโตของ GDP ต่อปีของจีนที่ 4.0% ทั้งในปี 2024 และ 2025 จากการเติบโตที่ไม่แน่นอน
PMI ภาคการผลิตของจีนเพิ่มขึ้นเป็น 50.7 ในเดือนพฤศจิกายน จาก 49.5 ในเดือนตุลาคม โดยผลสำรวจระบุว่าผลผลิตและความสามารถในการซื้อกลับมาเติบโตอีกครั้ง จากการสนับสนุุนของรัฐบาลที่มีการสนับสนุนด้านกำลังการผลิตให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะยาว นอกจากนี้ คำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบสี่เดือน ทำให้การปลดพนักงานเริ่มกลับมาลดลงอีกครั้งและต้นทุนวัตถุดิบมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
PMI ภาคการบริการเพิ่มขึ้นเป็น 51.5 ในเดือนพฤศจิกายน จาก 50.4 ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการเติบโตท่ามกลางการแข็งขันที่เพิ่มขึ้นด้วย โดยได้รับแรงสนับสนุนมาจากอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศดีขึ้น ทำให้คำสั่งซื้อใหม่มีการเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในขณะเดียวกัน การจ้างงานลดลงเล็กน้อยจากต้นทุนแรงงานและวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น
กำไรที่ได้รับจากบริษัทอุตสาหกรรมของจีนลดลง 7.8% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ 6,115.42 พันล้านหยวน ท่ามกลางเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบางแม้จะมีมาตราการการสนับสนุนครั้งใหม่จากรัฐบาล โดยกำไรภาคเอกชนมีการลดลง 1.9% โดยภาคส่วนที่ลดลงมากที่สุดคือ กำไรจากการผลิตสารเคมีและส่งออก ซึ่งมีการลดลงถึง 42.8% ทั้งนี้ กำไรเพิ่มขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมไฟฟ้าและพลังงาน โดยเพิ่มขึ้น 50.1%
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 10 ปีทรงตัวต่ำกว่า 2.7% เผชิญกับแรงกดดันอีกครั้งโดยผลกระทบส่วนใหญ่เกิดจาก Moody's ที่ปรับลดแนวโน้มอันดับความน่าเชื่อถือของรัฐบาลจีน ทั้งนี้ ปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์และการเติบโตที่ชะลอตัวลงก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้นักลงทุนเริ่มเปลี่ยนแผนการลงทุนให้ออกจากจีนมากขึ้น
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 7.1594, 7.1609, 7.1633
แนวรับสำคัญ: 7.1555, 7.1531, 7.1515
ที่มา: Investing.com
จุดกลับตัว 6 ธันวาคม 2566 15:35 น. GMT+7
ชื่อ | S3 | S2 | S1 | จุดกลับตัว | R1 | R2 | R3 |
Classic | 7.1515 | 7.1531 | 7.1555 | 7.1570 | 7.1594 | 7.1609 | 7.1633 |
Fibonacci | 7.1531 | 7.1546 | 7.1555 | 7.1570 | 7.1585 | 7.1594 | 7.1609 |
Camarilla | 7.1568 | 7.1571 | 7.1575 | 7.1570 | 7.1582 | 7.1586 | 7.1589 |
Woodie's | 7.1519 | 7.1533 | 7.1559 | 7.1572 | 7.1598 | 7.1611 | 7.1637 |
DeMark's | - | - | 7.1562 | 7.1574 | 7.1601 | - | - |
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 7.1594 - 7.1609 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.1633 และ SL ที่ประมาณ 7.1531 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 7.1594 - 7.1609 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 7.1594 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.1531 และ SL ที่ประมาณ 7.1633 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 7.1531 - 7.1555 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.1515 และ SL ที่ประมาณ 7.1609 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
ตัวชี้วัดทางเทคนิค 6 ธันวาคม 2566 15:35 น. GMT+7
ชื่อ | มูลค่า | Action |
RSI(14) | 59.480 | ซื้อ |
STOCH(9,6) | 74.477 | ซื้อ |
STOCHRSI(14) | 91.300 | ซื้อมากเกินไป |
MACD(12,26) | 0.002 | ซื้อ |
ADX(14) | 45.542 | ซื้อ |
Williams %R | -6.763 | ซื้อมากเกินไป |
CCI(14) | 179.2554 | ซื้อ |
ATR(14) | 0.0060 | ผันผวนน้อยลง |
Highs/Lows(14) | 0.0096 | ซื้อ |
Ultimate Oscillator | 63.758 | ซื้อ |
ROC | 0.337 | ซื้อ |
Bull/Bear Power(13) | 0.0209 | ซื้อ |
ซื้อ:9 ขาย:0 ถือหุ้นไว้:0 สรุป:ซื้อทันที |