ญี่ปุ่นยังคงเจอกับปัญหาด้านต้นทุนที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากเงินเยนอ่อนค่า

เงินเยนของญี่ปุ่นอ่อนค่าลงหลังจากที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นคงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษ และยังคงไม่มีสัญญาณว่าจะยกเลิกนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายนี้ในปีหน้าหรือไม่ โดยที่ธนาคารกลางคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นไว้ที่ -0.1% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีอยู่ที่ประมาณ 0% โดยทาง BoJ ยังคงมีตวามกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นทั้งในประเทศและต่างประเทศ

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ -0.1% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีที่ประมาณ 0% ในการประชุมครั้งล่าสุด โดยให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าผู้กำหนดนโยบายจำเป็นต้องพิจารณาถึงความสามารถในการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศรวมถึงราคาสินค้าและบริการหากจำเป็นต้องปรับนโยบายทางการเงินในตอนนี้ ทั้งนี้ BoJ ยังคงตั้งเป้าหมายเงินเฟ้อไว้ที่ 2% ควบคู่ไปกับการปรับเพิ่มค่าจ้างของพนักงาน

PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่นลดลงเหลือ 47.7 ในเดือนธันวาคม โดยได้รับแรงกดดันด้านอุปสงค์และราคาสินค้าที่ลดลง ผลผลิตและคำสั่งซื้อใหม่หดตัวหดตัวอย่างรวดเร็วส่งผลให้การส่งออกลดลงเช่นเดียวกัน ด้านการจ้างงานยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่อัตราเงินเฟ้อของต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเนื่องจากการอ่อนค่าของเงินเยนและต้นทุนแรงงานและวัตถุดิบที่สูงขึ้น

PMI ภาคการบริการเพิ่มขึ้นเป็น 52 ในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตามการเติบโตของภาคบริการยังคงอ่อนตัวกว่าค่าเฉลี่ยในปี 2023 แต่โดยรวมขยายตัวเร็วขึ้นเล็กน้อย การจ้างงานแทบไม่เปลี่ยนแปลงเนื่องจากมีการจ้างงานมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อของต้นทุนวัตถุดิบเพิ่มขึ้นเนื่องจากค่าธรรมเนียมที่เรียกเก็บโดยบริษัทผู้ให้บริการกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้งในช่วงปลายปี

ดัชนีภาคการผลิตขนาดใหญ่ในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 5.7% ในไตรมาสที่ 4 เนื่องจากสภาวะทางธุรกิจยังคงดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทในภาคผลิตยังจำเป็นต้องระมัดระวังเกี่ยวกับต้นทุนการนำเข้าที่สูงขึ้นและราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นซึ่งส่งผลกระทบต่ออัตรากำไรของบริษัทโดยตรง รวมถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนี้ ได้มีการคาดการณ์ว่าสภาวะทางธุรกิจจะถดถอยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยดัชนีภาคการผลิตขนาดใหญ่มีแนวโน้มว่าจะอยู่ที่ 1.3% ในไตรมาสแรกของปีหน้า

เศรษฐกิจญี่ปุ่นหดตัว 0.7% เมื่อเทียบเป็ยรายไตรมาสในไตรมาส 3 ปี โดยได้รับผลกระทบมาจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวลง การส่งออกที่ลดลงสวนทางกับการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นทำให้เกิดปัญหาด้านต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้ความสามารถในการบริโภคภาคเอกชนลดลง 0.2% นอกจากนี้การลงทุนจากภาครัฐลดลงถึง 0.8% 

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีลดลงสู่ 0.6% เกิดจากธนาคารกลางญี่ปุ่นตัดสินใจคงนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษและแสดงถึงความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ทั้งนี้ นักลงทุนได้มีการคาดการณ์ว่า BoJ จะทำการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินที่ผ่อนคลายนี้ภายในปีหน้าอย่างแน่นอน โดยเดือนเมษายนถูกมองว่าเป็นตัวเลือกที่น่าจะเป็นไปได้มากที่สุด

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ: 145.29, 146.05, 147.40

แนวรับสำคัญ: 143.18, 141.83, 141.08

ที่มา: Investing.com

จุดกลับตัว 19 ธันวาคม 2566 21:10 น. GMT+7