ตลาดจีนดิ้นรนท่ามกลางญี่ปุ่นแสวงหาเสถียรภาพ
ตลาดหุ้นจีนเผชิญแรงกดดันติดลบติดต่อกันเป็นปีที่สามเป็นครั้งแรก โดยดัชนี CSI 300 ลดลง 14 เปอร์เซ็นต์ในปีปัจจุบัน ตามมาด้วยการลดลงร้อยละ 22 ในปี 2022 และลดลงร้อยละ 5.2 ในปี 2021 ซึ่งการขาดทุนต่อเนื่องยาวนานนี้เกิดจากปัจจัยหลายประการ รวมถึงแนวโน้มการเติบโตที่ลดลง อุปสรรคในการเปิดการค้าอีกครั้ง และการไหลออกของเงินทุนต่างประเทศอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่บรรดาผู้จัดการกองทุนทั่วโลกต่างผิดหวังกับมาตรการของจีนในการรักษาเสถียรภาพการเติบโต ส่งผลให้มีการไหลออกของเงินทุนเป็นประวัติการณ์ถึง 29.1 พันล้านหยวนในเดือนธันวาคมเพียงเดือนเดียว
โดยแม้จะมีการแทรกแซงของรัฐบาลหลายครั้ง แต่ดัชนี CSI 300 ยังคงไม่สามารถพลิกตัวกลับได้ โดยคาดว่ากลุ่มอุตสาหกรรม 6 ใน 10 กลุ่มจะเผชิญกับความสูญเสียในปีนี้ อย่างไรก็ตาม ตลาดหลักทรัพย์ปักกิ่ง ซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหม่ในตลาด พบการเติบโตขึ้น 4.3% ในปีนี้ จากการสนับสนุนนโยบายในการขยายตลาด
ทางด้านธนาคารเพื่อการลงทุนคาดว่าจะพบการพลิกฟื้นของตลาดหุ้นจีนได้ในปี 2024 โดย UBS คาดการณ์ว่าดัชนี MSCI China Index จะเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ จากแรงหนุนจากปัจจัยต่างๆ เช่น การประเมินมูลค่าราคาถูก ปริมาณหรือสถานะของนักลงทุนในตลาดที่อยู่ในระดับต่ำ นโยบายสนับสนุน และผลประกอบการของบริษัทที่ดีขึ้น ขณะที่ Morgan Stanley และ Goldman Sachs คาดการณ์ว่าดัชนีต่างๆ จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในเชิงบวก และเน้นย้ำถึงศักยภาพในการฟื้นตัวของตลาด
ทางด้านคณะวางแผนงานของรัฐบาลจีนได้ประกาศโครงการลงทุนภาครัฐรอบที่สอง ซึ่งรวมถึงโครงการริเริ่มที่เน้นการควบคุมน้ำท่วมและการบรรเทาภัยพิบัติ โดยความเคลื่อนไหวนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนการออกพันธบัตรและการลงทุนในวงกว้างที่เปิดเผยในเดือนตุลาคมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น อุปสงค์ของผู้บริโภคที่ลดลง การส่งออกที่อ่อนแอ การลงทุนจากต่างประเทศที่ลดลง และวิกฤตอสังหาริมทรัพย์ที่ทวีความรุนแรงขึ้น รัฐบาลจึงวางแผนที่จะอัดฉีดเงิน 1 ล้านล้านหยวนผ่านการออกพันธบัตรเพิ่มเติม โดยการอัดฉีดครั้งนี้คาดว่าจะเพิ่มอัตราส่วนการขาดดุลงบประมาณของจีนในปี 2023 มาอยู่ที่ประมาณร้อยละ 3.8
ในขณะเดียวกัน รัฐบาลอินเดียเพิกเฉยต่อคำเตือนจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ที่ออกมาเตือนถึงอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP ของประเทศที่อาจสูงถึง 100% โดยระบุว่าเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดที่อาจเกิดขึ้นมากกว่าผลลัพธ์ที่แน่นอน โดยจากการรายงานของ IMF ในการประชุมหารือกับประเทศสมาชิก (Article IV Consultation) ชี้ให้เห็นถึงสภาวะที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจนำไปสู่อัตราส่วนหนี้สินสูงถึง 100% ภายในปีงบประมาณ 2028 ได้ ขณะที่กระทรวงการคลังของอินเดียชี้แจงว่าเป็นเพียงการคาดการณ์ถึงกรณีที่เลวร้ายที่สุด และอัตราส่วนหนี้สินอาจลดลงต่ำกว่า 70% ภายใต้สถานการณ์ที่ดีขึ้น ลดลงจาก 81% ในปี 2022/23
ในญี่ปุ่น อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานชะลอตัวลงอย่างมากในเดือนพฤศจิกายน บ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านต้นทุนที่ผ่อนคลายลง และอาจส่งผลให้การออกจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษของธนาคารกลางญี่ปุ่นล่าช้าออกไป ขณะที่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมมีแนวโน้มหดตัวในเดือนพฤศจิกายนเนื่องจากอุปสงค์ที่ซบเซาและการชะลอตัวของเศรษฐกิจในต่างประเทศ ท่ามกลางรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของญี่ปุ่นที่แสดงความจำเป็นในการควบคุมระดับหนี้ที่สูงขึ้น และเผยงบประมาณประจำปีซึ่งรวมถึงประมาณการอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 17 ปี
อีกด้าน การผลักดันของรัฐบาลญี่ปุ่นในการปฏิรูปอุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์ที่มีมูลค่า 5 ล้านล้านดอลลาร์ของประเทศ ได้กระตุ้นให้กลุ่มธนาคารชั้นนำปรับปรุงธุรกิจการจัดการสินทรัพย์ของตน ท่ามกลางเป้าหมายในการเพิ่มมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารเป็นสองเท่า หรือให้สูงถึง 200 ล้านล้านเยนภายในเดือนมีนาคม 2030 ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของญี่ปุ่นที่ส่งเสริมให้ครัวเรือนเปลี่ยนการออมเป็นการลงทุน โดยรัฐบาลมองว่าอุตสาหกรรมการจัดการสินทรัพย์มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการระดมเงินออมในครัวเรือนที่ไม่มีการเคลื่อนไหว และส่งผลให้เกิดการผลักดันให้มีการปฏิรูป แม้จะมีความกังวลถึงทรัพยากรในอุตสาหกรรมที่อาจมีไม่เพียงพอ
ด้วยเหตุนี้ ตลาดหุ้นของญี่ปุ่นโดยรวมอาจได้รับการสนับสนุนท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยนโยบายติดลบและจุดยืนแบบผ่อนคลายของธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น โดยคาดว่าจะพบการปรับตัวขึ้นลงในกรอบบนแบบจำกัด
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD Nikkei 225 Futures - Mar 24
แนวต้านสำคัญ : 33353.6, 33405, 33488.3
แนวรับสำคัญ : 33187.0, 33135.6, 33052.3
5H Outlook
ที่มา: Investing.com
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 33064.0 - 33187.0 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 33187.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33405.6 และ SL ที่ประมาณ 33002.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 33353.6 – 33476.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33505.0 และ SL ที่ประมาณ 33125.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 33353.6 – 33476.6 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 33353.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33187.0 และ SL ที่ประมาณ 33538.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 33064.0 - 33187.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 33000.0 และ SL ที่ประมาณ 33415.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Dec 25, 2023 09:42AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 32969.6 | 33052.3 | 33187.6 | 33270.3 | 33405.6 | 33488.3 | 33623.6 |
Fibonacci | 33052.3 | 33135.6 | 33187 | 33270.3 | 33353.6 | 33405 | 33488.3 |
Camarilla | 33263.1 | 33283 | 33303 | 33270.3 | 33343 | 33363 | 33382.9 |
Woodie's | 32996 | 33065.5 | 33214 | 33283.5 | 33432 | 33501.5 | 33650 |
DeMark's | - | - | 33229 | 33291 | 33447 | - | - |
Sources: Investing 1, Investing 2, The Star