เงินเฟ้อในยูโรโซนลดลงมากกว่าที่คาด
เงินยูโรแข็งค่าสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือนที่ผ่านมา โดยเงินยูโรยังคงได้รับประโยชน์มาจากการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ นอกจากนี้ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) กลับมามีแนวโน้มที่จะลดลงอีกครั้ง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งข้อสนับสนุนว่า Fed จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกจะเกิดขึ้นในเดือนมีนาคม ในขณะเดียวกัน นักลงทุนคาดการณ์ว่า ECB จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเช่นเดียวกัน ซึ่งอาจสอดคล้องกับการลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed
ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคในยูโรโซนเพิ่มขึ้น 1.8 จุดจากเดือนก่อนหน้าเป็น -15.1 ในเดือนธันวาคม 2023 ซึ่งสูงที่สุดในรอบ 5 เดือนและสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ -16.4 จากการคาดการณ์เบื้องต้น ผู้บริโภคมองในแง่ดีว่าอัตราดอกเบี้ยในยูโรโซนจะเริ่มลดลงในไม่ช้าเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อยังคงชะลอตัวลง ความเชื่อมั่นผู้บริโภคทั่วทั้งสหภาพยุโรปเพิ่มขึ้น 1.5 จุดเป็น -16
อัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนลดลงเหลือ 2.4% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดตั้งแต่ปี 2021 โดยได้รับผลกระทบส่วนใหญ่มาจากการลดลงของราคาพลังงานในช่วงที่ผ่านมา โดยราคาพลังงานลดลง 11.5% ในขณะเดียวกันอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่ไม่รวมราคาพลังงานและอาหารลดลงมาที่ 3.6%
ประธาน ECB Lagarde กล่าวเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในอนาคตไว้ว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนธันวาคมมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการนำเข้าต้นทุนพลังงานที่เพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้ได้มีการคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงช้ากว่าที่คาดไว้ เนื่องจากการปรับขึ้นของราคาสินค้าและบริการจากนโยบายทางการเงินในอดีต
ECB คงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุดไว้ที่ 4.5% โดยทาง ECB ยังคงให้ความสำคัญในการกดดันอัตราเงินเฟ้อเป็นอันดับแรก ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากยังคงอยู่จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4% และ ECB คาดการณ์อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ยอยู่ที่ 2.7% ในปี 2024, 2.1% ในปี 2025 และ 1.9% ในปี 2026
การเติบโตของค่าจ้างในยูโรโซนเพิ่มสูงขึ้นเป็น 5.3% เมื่อเทียบเป็นรายปีในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงถึงแรงกดดันด้านเงินเฟ้อในกลุ่มประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น โดยค่าจ้างที่สูงขึ้นจะอยู่ในภาคการผลิต, สาธารณูปโภคและการก่อสร้างที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 5%
ดุลการค้าในยูโรโซนเกิดการเกินดุลอีกครั้งที่ 11.1 พันล้านยูโรในเดือนตุลาคม การนำเข้าลดลงอย่างต่อเนื่องถึง 16.3% สู่ 235.8 พันล้านยูโร แม้ว่าการนำเข้าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญแต่การนำเข้าน้ำมันยังถือว่าเป็นสินค้านำเข้าหลักของยูโรโซน ในขณะเดียวกันการส่งออกลดลงเล็กน้อยที่ 2.4% เป็น 246.9 พันล้านยูโร โดยภาคส่วนที่มีการส่งออกมากที่สุดคือเครื่องจักรและยานพาหนะ
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 0.9051, 0.9068, 0.9076
แนวรับสำคัญ: 0.9025, 0.9016, 0.8999
ที่มา: Investing.com
จุดกลับตัว 27 ธันวาคม 2566 20:39 น. GMT+7
ชื่อ | S3 | S2 | S1 | จุดกลับตัว | R1 | R2 | R3 |
Classic | 0.8999 | 0.9016 | 0.9025 | 0.9042 | 0.9051 | 0.9068 | 0.9076 |
Fibonacci | 0.9016 | 0.9026 | 0.9032 | 0.9042 | 0.9052 | 0.9058 | 0.9068 |
Camarilla | 0.9027 | 0.9029 | 0.9032 | 0.9042 | 0.9036 | 0.9039 | 0.9041 |
Woodie's | 0.8995 | 0.9014 | 0.9021 | 0.9040 | 0.9047 | 0.9066 | 0.9072 |
DeMark's | - | - | 0.9021 | 0.9040 | 0.9047 | - | - |
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 0.9051 - 0.9068 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.9076 และ SL ที่ประมาณ 0.9016 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 0.9051 - 0.9068 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 0.9051 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.9016 และ SL ที่ประมาณ 0.9076 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 0.9016 - 0.9025 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.8999 และ SL ที่ประมาณ 0.9068 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
ตัวชี้วัดทางเทคนิค 27 ธันวาคม 2566 20:39 น. GMT+7
ชื่อ | มูลค่า | Action |
RSI(14) | 32.765 | ขาย |
STOCH(9,6) | 44.021 | ขาย |
STOCHRSI(14) | 12.864 | ขายมากเกินไป |
MACD(12,26) | -0.002 | ขาย |
ADX(14) | 46.989 | ขาย |
Williams %R | -76.104 | ขาย |
CCI(14) | -188.8391 | ขาย |
ATR(14) | 0.0024 | ผันผวนน้อยลง |
Highs/Lows(14) | -0.0017 | ขาย |
Ultimate Oscillator | 41.698 | ขาย |
ROC | -0.480 | ขาย |
Bull/Bear Power(13) | -0.0047 | ขาย |
ซื้อ:0 ขาย:10 ถือหุ้นไว้:0 สรุป:ขายทันที |