อินเดียยังเติบโตได้ดีแม้อัตราดอกเบี้ยนโยบายสูง
เงินรูปีของอินเดียแข็งค่าขึ้นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งและการแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศอย่างต่อเนื่องจาก RBI โดยที่ GDP ของอินเดียเติบโตขึ้น 7.3% ในปี 2023 โดยเป็นการเติบโตมากกว่าที่คาดของตลาด ชี้ให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของเศรษฐกิจอินเดียต่อนโยบายทางการเงินที่เข้มงวดของ RBI ในปีที่แล้ว การเติบโตของเศรษฐกิจที่เเข็งแกร่งยังส่งผลให้เกิดการไหลเข้าของเงินทุนต่างประเทศจำนวนมหาศาลในสินทรัพย์ทางการเงินของอินเดีย
อัตราเงินเฟ้อในอินเดียเพิ่มขึ้นเป็น 5.69% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนธันวาคม จาก 5.55% ในเดือนพฤศจิกายน เป็นการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ 4 เดือนติดต่อกัน โดยอัตราเงินเฟ้อด้านอาหารเพิ่มขึ้นเป็น 9.5% จาก 8.7% เนื่องจากปรากฏการณ์เอลนิโญทำให้ปริมาณน้ำฝนในอินเดียแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปีและส่งผลกระทบต่อผลผลิตทางการเกษตรทำให้ผลผลิตมีจำนวนน้อยลง โดยราคาผักเพิ่มขึ้น 27.6% ราคาถั่วเพิ่มขึ้น 20.7% และราคาผลไม้เพิ่มขึ้น 11.1% แต่ราคาน้ำมันที่ใช้ทำอาหารลดลง 15%
การขาดดุลการค้าสินค้าของอินเดียลดลงเหลือ 19.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนธันวาคม ลดลงจากการขาดดุล 23.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของปีที่แล้ว เนื่องจากการส่งออกที่เพิ่มมากขึ้นสวนทางกับการนำเข้าที่ลดลง ถึงอย่างนั้นเจ้าหน้าที่จากกระทรวงที่เกี่ยวข้องเตือนว่าผลกระทบของค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นและเวลาการขนส่งที่ยืดเยื้ออาจส่งผลให้ราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
การนำเข้าไปยังอินเดียลดลง 4.7% เมื่อเทียบเป็นรายปี อยู่ที่ 58.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการนำเข้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นสินค้ากลุ่มพลังงานที่กินส่วนแบ่งการนำเข้าทั้งหมดที่ 27% รองลงมาด้วยเครื่องประดับ 14% และเครื่องจักร 10% โดยประเทศคู้ค้าสำคัญยังคงเป็นจีนและสหรัฐฯ
การส่งออกเพิ่มขึ้น 1% เมื่อเทียบเป็นรายปี เป็น 38.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยการส่งออกของอินเดียไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตทะเลแดง ที่จะส่งผลให้ค่าใช้จ่ายในการขนส่งสินค้าเพิ่มขึ้นมากกว่า 400% ในช่วงนี้ โดยสินค้าส่งออกส่วนใหญ่เป็นเครื่องประดับ, หินแร่และกลุ่มแร่เชื้อเพลิงและพลังงาน
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอินเดียอายุ 10 ปีลดลงสู่ระดับ 7.15% ในเดือนมกราคม ต่ำที่สุดในรอบเกือบ 4 เดือน เนื่องจากการพัฒนาเศรษฐกิจมหภาคที่น่าพอใจของอินเดีย นอกจากนี้ JPMorgan ได้นำตราสารหนี้ของอินเดียเข้ารวมในการคำนวณดัชนีตราสารหนี้ของตลาดเกิดใหม่ ทำให้อุปสงค์จากต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยมีจำนวนเงินประมาณ 2.2-3.0 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไหลเข้าสู่อินเดีย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลลดลง
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 83.091, 83.131, 83.211
แนวรับสำคัญ: 82.970, 82.889, 82.849
ที่มา: Investing.com
Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 82.889 - 82.970 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 82.970 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.131 และ SL ที่ประมาณ 82.849 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 83.091 - 83.131 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.211 และ SL ที่ประมาณ 82.889 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 83.091 - 83.131 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 83.091 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 82.889 และ SL ที่ประมาณ 83.211 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 82.889 - 82.970 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 82.849 และ SL ที่ประมาณ 83.131 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดกลับตัว 16 มกราคม 2567 16:02 น. GMT+7
ชื่อ | S3 | S2 | S1 | จุดกลับตัว | R1 | R2 | R3 |
Classic | 82.849 | 82.889 | 82.970 | 83.010 | 83.091 | 83.131 | 83.211 |
Fibonacci | 82.889 | 82.935 | 82.964 | 83.010 | 83.056 | 83.085 | 83.131 |
Camarilla | 83.017 | 83.028 | 83.039 | 83.010 | 83.061 | 83.073 | 83.084 |
Woodie's | 82.869 | 82.899 | 82.990 | 83.020 | 83.111 | 83.141 | 83.231 |
DeMark's | - | - | 82.990 | 83.020 | 83.111 | - | - |