เศรษฐกิจสหราชอาณาจักร: การขาดดุลหดตัว ตลาดที่อยู่อาศัยมีเสถียรภาพ

ในการพัฒนาเศรษฐกิจของอังกฤษ การขาดดุลงบประมาณในเดือนธันวาคมน้อยกว่าที่คาดไว้ และอาจสร้างพื้นที่สำหรับการลดภาษีในงบประมาณเดือนมีนาคมที่กำลังจะมาถึง อย่างไรก็ตาม ยอดค้าปลีกที่ลดลงมากที่สุดในรอบเกือบสามปีในเดือนเดียวกันทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงปลายปี 2023 โดยความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยส่งผลกระทบทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญต่อนายกรัฐมนตรี ริชิ ซูนัก ที่ต้องเผชิญการเลือกตั้งในปีหน้า ขณะที่ผลสำรวจความนิยมของพรรคอนุรักษ์นิยมยังคงตามหลัง ท่ามกลางนายกรัฐมนตรี ซูนัก และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เจเรมี ฮันท์ ที่แสดงความสนใจในการปรับลดภาษีซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ด้านงบประมาณ

อย่างไรก็ดี ลอนดอนยังคงรักษาตำแหน่งศูนย์กลางทางการเงินชั้นนำของโลก แซงหน้านิวยอร์ก ตามการสำรวจของ City of London Corporation ซึ่งตรงกันข้ามกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยรายงานชี้ให้เห็นว่าการหยุดชะงักทางธุรกิจหลัง Brexit และผลกระทบของการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ลดลง ซึ่งส่งผลให้ลอนดอนสามารถฟื้นตัวได้และสภาพแวดล้อมทางธุรกิจดีขึ้น

ทางด้านตลาดที่อยู่อาศัยในสหราชอาณาจักรแสดงสัญญาณที่มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยอัตราการจำนองที่ลดลงส่งผลให้อุปสงค์ปรับตัวดีขึ้น ช่วยบรรเทาตลาดที่ตกต่ำก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์เกี่ยวกับการดำเนินการในอนาคตของธนาคารแห่งอังกฤษ (BoE) ยังคงถูกแบ่งแยก โดยการสำรวจของ Reuters บ่งชี้ถึงความไม่แน่นอนว่า BoE จะลดต้นทุนการกู้ยืมในไตรมาสหน้าหรือหลังจากนั้นในเดือนกรกฎาคม-กันยายน แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อเมื่อเร็วๆ นี้จะเพิ่มขึ้นเป็น 4% แต่มีการคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงเหลือ 2% ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งอาจส่งผลต่อโอกาสในการลดอัตราดอกเบี้ยได้

ทั้งนี้ แนวทางการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังของ BoE ได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย ขณะที่เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรกำลังแสดงสัญญาณที่ดีขึ้นเล็กน้อย โดยคาดว่าอัตราภาษีพลังงานและต้นทุนการจำนองจะลดลง โดยนายเจเรมี ฮันท์ รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง คาดว่าจะประกาศลดภาษีในงบประมาณวันที่ 6 มีนาคม ซึ่งเข้าใกล้กับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2024

นอกจากนี้ เพื่อย้ำเตือนนักลงทุนที่ยังคงมุมมองเชิงบวกมากเกินไปเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย BoE อาจส่งสัญญาณเพิ่มเติมในสัปดาห์หน้า โดยอาจแก้ไขการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในอีกสองถึงสามปีข้างหน้า เพื่อให้สอดคล้องกับราคาในตลาดปัจจุบัน ซึ่งหากการปรับเปลี่ยนนี้เกิดขึ้นจริง การกระทำของ BoE จะสอดคล้องกับทิศทางการเคลื่อนไหวที่คล้ายกันของธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางยุโรป

ทั้งนี้ แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่คาดการณ์ไว้แสดงให้เห็นถึงการปรับตัวลดลงที่ต่ำกว่าเป้าหมายเหลือ 1.9% ในไตรมาสหน้า โดยอาจคงระดับดังกล่าวไว้จนถึงกลางปี 2025 เป็นอย่างน้อย ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางมีความยืดหยุ่นในการเริ่มการผ่อนคลายนโยบายแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยมีเป้าหมายเพื่อแบ่งเบาภาระทางการเงินของผู้บริโภคและลูกหนี้

ขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ โดยแตะระดับสูงสุดในรอบ 6 สัปดาห์ โดยได้แรงหนุนจากความเชื่อมั่นของนักลงทุน หลังจาก Federal Reserve ยังคงสงวนท่าทีและไม่รีบเร่งที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ยังคงความเสถียรภาพ ในขณะที่ตลาดฟิวเจอร์สอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ระบุว่ามีโอกาส 47% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคม ลดลงจาก 80% เมื่อสองสัปดาห์ก่อน โดยนักลงทุนยังคงเดิมพันว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยถึง 5 ครั้งในปี 2024 ซึ่งสะท้อนถึงความไม่แน่นอนอย่างต่อเนื่องในการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก จึงอาจส่งผลให้คู่สกุลเงิน GBP/USD มีแนวโน้มซื้อขายขึ้นลงในกรอบกว้างๆ ได้ในระยะสั้นนี้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD GBP/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.2698, 1.2703, 1.2711

แนวรับสำคัญ : 1.2682, 1.2677, 1.2669            

5H Outlook

ที่มา: Investing.com                 

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.2672 - 1.2682 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.2682 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2703 และ SL ที่ประมาณ 1.2667 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2698 - 1.2708 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2724 และ SL ที่ประมาณ 1.2677 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2698 - 1.2708 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้าน 1.2698 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2682 และ SL ที่ประมาณ 1.2713 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.2672 - 1.2682 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2661 และ SL ที่ประมาณ 1.2703 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Jan 24, 2024 08:49AM GMT+7