ตลาดหุ้นตอบสนองต่อคำพูดพาวเวลล์: ตลาดหุ้นร่วง อัตราผลตอบแทนพันธบัตรดีดตัว
ในคืนวันจันทร์ ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ พบการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยหลังจากตลาดหุ้นโดยรวมร่วงจากอิทธิพลของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น และความกังวลเกี่ยวกับธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ยังไม่พร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยมากเท่าที่คาดไว้ โดยการลดลงของหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงการซื้อขายก่อนหน้านี้มีสาเหตุมาจากการขาดทุนนธุรกิจภาคส่วนต่างๆ เช่น วัสดุพื้นฐาน สาธารณูปโภค และสินค้าอุปโภคบริโภค
ทั้งนี้ ดัชนีหลักของวอลล์สตรีทปิดตัวลดลงเมื่อวันจันทร์ โดยดัชนีดาวโจนส์ประสบกับแรงกดดันเนื่องจากความผันผวนของหุ้นในกลุ่มธุรกิจการบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการลดลงของหุ้นแมคโดนัลด์ และการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนจากกระทรวงการคลัง หลังประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวลล์ แสดงความเห็นต่อต้านความคาดหวังเรื่องการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ใกล้จะเกิดขึ้น ขณะที่ในช่วงการซื้อขายระหว่างวัน ดัชนี S&P 500 ถอยกลับจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ก่อน และ NASDAQ Composite ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ดี คำแถลงของพาวเวลล์เ "60 นาที" ในคืนวันอาทิตย์ระบุว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมของเฟดในเดือนมีนาคมนั้นไม่น่ามีความเป็นไปได้ ส่งผลให้ความน่าจะเป็นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมีนาคมเหลือ 16% ซึ่งลดลงจากจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ที่ 80% และส่งผลให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปีเพิ่มขึ้น 13 จุดในวันจันทร์ แตะ 4.16%
นอกจากนี้ ปัจจัยเพิ่มเติมที่ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ ข้อมูลใหม่จากสถาบันเพื่อการจัดการอุปทาน (ISM) ที่แสดงให้เห็นการเติบโตในภาคบริการของสหรัฐฯ ในเดือนมกราคม พร้อมด้วยราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น และเมื่อรวมกับข้อมูลเมื่อวันศุกร์ที่บ่งชี้ถึงความยืดหยุ่นของตลาดแรงงาน ส่งผลให้ความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลดลงมากขึ้น
ทางด้านหุ้นในกลุ่มการบริโภคเผชิญกับแรงกดดันจากหลายด้าน รวมถึงแมคโดนัลด์ที่รายงานการเติบโตของยอดขายที่ต่ำกว่าที่คาด เนื่องจากการคว่ำบาตรระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรงในตะวันออกกลาง ขณะที่หุ้น Tesla และกลุ่มธุรกิจเรือสำราญ รวมถึงบริษัท Carnival Corporation เผชิญกับแรงเทขาย ซึ่งเพิ่มความท้าทายให้กับกลุ่มธุรกิจภาคผู้บริโภค
อีกด้าน Nvidia ทำสถิติสูงสุดหลังจากที่ Goldman Sachs ปรับเพิ่มเป้าหมายราคา โดยอ้างมุมมองเชิงบวกในการใช้จ่ายด้านปัญญาประดิษฐ์ ขณะที่ Caterpillar เพิ่มขึ้นจากกำไรต่อหุ้นที่ปรับแล้วในไตรมาสสี่ที่ดีกว่าที่คาดไว้
ในขณะเดียวกัน โบอิ้งเผชิญกับการลดลงมากกว่า 1% หลังจากได้รับคำเตือนถึงความล่าช้าในการส่งมอบ เนื่องจากปัญหาใหม่ที่พบในลำตัวเครื่องบิน 737 บางลำ โดยข้อกังวลด้านความปลอดภัยเพิ่มมากขึ้นนับตั้งแต่เหตุการณ์ล่าสุดที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบิน 737 Max 9
ทางด้านผลสำรวจของธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่าธนาคารในสหรัฐฯ คาดว่าจะเผชิญกับความต้องการสินเชื่อมากขึ้นหากอัตราดอกเบี้ยลดลง แม้ว่ามาตรฐานในการอนุมัติสินเชื่อบางประเภทจะเข้มงวดขึ้น ขณะที่การสำรวจเผยให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับมูลค่าหลักประกันและแนวโน้มทางเศรษฐกิจเชิงลบ ที่ส่งผลกระทบต่อมาตรฐานสินเชื่อด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ บัตรเครดิต และสินเชื่อรถยนต์
ทั้งนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก หลังจากนักลงทุนปรับความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรง โดยประเด็นสำคัญที่กำลังจะเกิดขึ้นในสัปดาห์นี้ ได้แก่ คำแถลงจากเจ้าหน้าที่เฟด และรายงานรายได้จากบริษัทสื่อต่างๆ เช่น Walt Disney, Fox และ Warner Music Group รวมถึงบริษัทจีนอย่าง Alibaba และบริษัท Uber, Arm Holdings พร้อมด้วยบริษัทอย่าง Eli Lilly, ConocoPhillips และ PepsiCo โดยคาดว่าจะสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการคาดการณ์ในปี 2024 ได้ ท่ามกลางปฏิทินเศรษฐกิจประจำสัปดาห์ที่ค่อนข้างเงียบเหงา จากการเผยแพร่ข้อมูลสวัสดิการการว่างงานรายสัปดาห์ จึงอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมคาดว่าจะซื้อขายทรงตัวในกรอบบนไปจนถึงปรับตัวลดลงได้เล็กน้อยในช่วงนี้
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD US30 DJIA
แนวต้านสำคัญ : 38451.9, 38489.3, 38550
แนวรับสำคัญ : 38330.5, 38293.1, 38232.4
5H Outlook
ที่มา: Investing.com
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 38230.5 - 38330.5 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 38330.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 38453.7 และ SL ที่ประมาณ 38280.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 38451.9 - 38551.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 38610.0 และ SL ที่ประมาณ 38280.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 38451.9 - 38551.9 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 38451.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 38294.9 และ SL ที่ประมาณ 38602.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 38230.5 - 38330.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 38136.0 และ SL ที่ประมาณ 38501.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Feb 6, 2024 09:51AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 38136.1 | 38232.4 | 38294.9 | 38391.2 | 38453.7 | 38550 | 38612.5 |
Fibonacci | 38232.4 | 38293.1 | 38330.5 | 38391.2 | 38451.9 | 38489.3 | 38550 |
Camarilla | 38313.6 | 38328.2 | 38342.7 | 38391.2 | 38371.9 | 38386.4 | 38401 |
Woodie's | 38119.1 | 38223.9 | 38277.9 | 38382.7 | 38436.7 | 38541.5 | 38595.5 |
DeMark's | - | - | 38263.6 | 38375.6 | 38422.4 | - | - |
Sources: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ