เงินรูปีของอินเดียแข็งค่าขึ้นเล็กน้อยในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยทางรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอินเดียกล่าวว่าจะมีค่าใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น 11% ในปีงบประมาณ 2024-2025 และคาดว่ารายได้ของกระทรวงการคลังจะเพิ่มขึ้นด้วย ได้มีการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจอินเดียจะเติบโตเกิน 7% ในปีต่อๆ ไป จากความแข็งแกร่งของภาคการเงินและการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน
ทั้งนี้ การแข็งค่าของเงินรูปีได้รับแรงหนุนจากธนาคารกลางอินเดีย ที่มีการประกาศว่าได้เข้าแทรกแซงตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศหลายครั้งเพื่อป้องกันไม่ให้เงินรูปีอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็ว โดยมีการรายงานว่าธนาคารกลางอินเดียได้เข้าแทรกแซงตั้งแต่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2023
ราคาขายส่งของอินเดียเพิ่มขึ้น 0.73% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่เพิ่มขึ้น 0.9% เนื่องจากราคาอาหารและราคาสินค้าจำเป็นพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ทางด้านราคาเชื้อเพลิงลดลงเล็กน้อย ซึ่งจะส่งผลดีต่อภาคการผลิต ทำให้ราคาการผลิตยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในอุตสาหกรรมการผลิตโลหะและเคมีภัณฑ์
PMI ภาคการผลิต ปรับลดลงเล็กน้อยเป็น 56.5 ในเดือนมกราคม นับว่าเป็นการเติบโตที่กลับมาแข็งแกร่งอีกครั้งตั้งแต่เดือนกันยายนปีที่แล้ว โดยได้แรงหนุนจากผลผลิตและคำสั่งซื้อใหม่ที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ คำสั่งซื้อสำหรับการส่งออกยังคงเพิ่มขึ้น ขณะที่การจ้างงานยังทรงตัวจากปัญหาด้านต้นทุนวัตถุดิบ โดยอัตราเงินเฟ้อของราคาวัตถุดิบแตะจุดสูงสุดในรอบ 3 เดือนและยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
PMI ภาคการบริการได้ปรับสูงขึ้นเป็น 61.8 ในเดือนมกราคม ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ที่ 60 และสูงกว่า 59 ในเดือนธันวาคม แสดงให้เห็นถึงการเติบโตที่รวดเร็วของภาคบริการ โดยยอดขายส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะอัฟกานิสถาน, ยุโรป, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และสหรัฐอเมริกา ในขณะเดียวกัน อัตราเงินเฟ้อของต้นทุนวัตถุดิบยังคงเพิ่มขึ้น เนื่องจากต้นทุนอาหาร, ค่าขนส่ง และการปรับขึ้นเงินเดือนของพนักงาน
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอินเดียอายุ 10 ปีอยู่ที่ประมาณ 7.08% โดยได้รับผลกระทบจากรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอินเดีย ที่มีการคาดว่าการขาดดุลการคลังสำหรับปี 2024-2025 จะลดลงเหลือ 5.1% จาก 5.8% นอกจากนี้ อินเดียกำลังวางแผนที่จะขายพันธบัตรรัฐบาลมูลค่ากว่า 14.13 ล้านล้านรูปี อีกทั้งยังได้รับแรงหนุนจาก JPMorgan ที่ประกาศว่าจะรวมพันธบัตรรัฐบาลอินเดียเข้าสู่กองทุนดัชนีตลาดเกิดใหม่
แนวต้านสำคัญ: 83.07, 83.091, 83.111
แนวรับสำคัญ: 83.03, 83.009, 82.989
Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 83.009 - 83.03 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 83.03 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.091 และ SL ที่ประมาณ 82.989 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 83.07 - 83.091 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.111 และ SL ที่ประมาณ 83.009 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 83.07 - 83.091 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 83.07 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.009 และ SL ที่ประมาณ 83.111 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 83.009 - 83.03 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 82.989 และ SL ที่ประมาณ 83.091 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดกลับตัว 6 กุมภาพันธ์ 2567 16:37 น. GMT+7
|
ชื่อ
|
S3
|
S2
|
S1
|
จุดกลับตัว
|
R1
|
R2
|
R3
|
| Classic | 82.989 | 83.009 | 83.03 | 83.05 | 83.07 | 83.091 | 83.111 |
| Fibonacci | 83.009 | 83.025 | 83.034 | 83.05 | 83.066 | 83.075 | 83.091 |
| Camarilla | 83.039 | 83.043 | 83.046 | 83.05 | 83.054 | 83.058 | 83.061 |
| Woodie's | 82.989 | 83.009 | 83.03 | 83.05 | 83.07 | 83.091 | 83.111 |
| DeMark's | - | - | 83.04 | 83.055 | 83.08 | - | - |
List of content
FXtoday.news เป็นเพียงเว็บไซต์ที่นำเสนอข่าวสาร และให้ความรู้เกี่ยวกับตลาดทางการเงิน โดยไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อชักนำหรือเชิญชวน ในการลงทุนแต่อย่างใด โดยจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์
