ตลาดสหรัฐฯ ทรงตัวท่ามกลางการแข็งค่าของเงินดอลลาร์และรายงานรายได้เป็นบวก

ดัชนีหุ้นทั่วโลกพบความเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยในวันจันทร์ โดยเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก่อนรายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันอังคาร ซึ่งคาดว่าจะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับจังหวะและเวลาในการเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ขณะที่ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ยังคงทรงตัว โดยตลาดใช้ความระมัดระวังในการคาดการณ์ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญและผลประกอบการของธุรกิจและองค์กรตลอดทั้งสัปดาห์

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตัวเป็นบวกเพิ่มขึ้นในกลุ่มสาธารณูปโภค น้ำมันและก๊าซ และวัสดุพื้นฐาน ในขณะที่พบการขาดทุนในภาคเทคโนโลยี การบริการผู้บริโภค และการดูแลสุขภาพ

โดยสัปดาห์ก่อน ดัชนี S&P 500 เข้าใกล้ระดับประวัติศาสตร์เหนือระดับ 5,000 โดยได้รับแรงหนุนจากบริษัทขนาดใหญ่ เช่น Microsoft, Amazon.com และ Nvidia ที่ทำราคาแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์หลังการรายงานข่าวการจัดตั้งแผนกใหม่ที่มุ่งเน้นในการจัดหาชิปที่สามารถปรับแต่งได้เองสำหรับระบบคลาวด์คอมพิวเตอร์

อย่างไรก็ดี ฤดูกาลรายงานผลประกอบโดยรวมยังคงเป็นไปในทางบวก โดย 67% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ปี 2023 สูงกว่าการคาดการณ์ทั้งในด้านกำไรต่อหุ้น (EPS) และรายได้ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มสำหรับไตรมาสที่ 1 ปี 2024 ยังคงมีข้อระมัดระวัง เนื่องจากบริษัทในดัชนี S&P 500 จำนวน 52 แห่งได้ออกคำเตือนถึงแนวโน้มกำไรต่อหุ้น (EPS) ที่เป็นลบ ขณะที่ปัจจุบันอัตราส่วน P/E ล่วงหน้า 12 เดือนสำหรับดัชนี S&P 500 สูงขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยในอดีต

ทั้งนี้ แม้ว่าการคาดการณ์เบื้องต้นของการเติบโตของกำไรจะอยู่ที่ 4–5% ในไตรมาสที่ 4 ปี 2023 แต่อัตราการเติบโตในปัจจุบันคาดว่าจะเกิน 7% จากการเติบโตของบริษัทขนาดใหญ่บางแห่งที่มีผลประกอบการที่โดดเด่น รวมถึงทิศทางจากบริษัทต่างๆ ในไตรมาสนี้ที่บ่งชี้ถึงสัญญาณที่ดี และมีส่วนส่งผลต่อแนวโน้มเชิงบวกของตลาด จากแรงสนับสนุนจากการเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อในระดับปานกลาง การปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ และความต้องการโครงสร้างพื้นฐาน AI

ในสัปดาห์นี้ นักลงทุนต่างตั้งตารอการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจอย่างใจจดใจจ่อ ซึ่งรวมถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากของมหาวิทยาลัยมิชิแกน โดย CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญ คาดว่าจะแสดงการชะลอตัวของการเติบโตของราคา ขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่อาจจะฟื้นตัว ได้ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงท่าทีระมัดระวัง ท่ามกลางเจ้าหน้าที่เฟดที่เน้นย้ำถึงความจำเป็นของการชะลอตัวของราคาก่อนพิจารณาการปรับลดอัตราดอกเบี้ย

นอกจากนี้ ฤดูกาลรายงานผลประกอบการยังคงดำเนินต่อไป โดยบริษัทมากกว่า 60 แห่งในดัชนี S&P 500 เตรียมเปิดเผยผลประกอบการ ซึ่งรวมไปถึง Coca-Cola, Shopify, Kraft Heinz, Cisco Systems และ Coinbase โดยความคาดหวังของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนมีนาคมลดลง ขณะที่ตลาดคาดการณ์ถึงโอกาส 84.5% ที่จะไม่พบการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ย จึงอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวม แม้จะยังคงแนวโน้มเชิงบวกจากภาพรวมการรายงานผลประกอบการที่เป็นบวก แต่ยังคงความเสี่ยงในการกลับตัวลงมาได้ จากความไม่แน่นอนของข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงนี้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD US 500 [S&P 500]

แนวต้านสำคัญ : 5023.0, 5026.0, 5030.8

แนวรับสำคัญ : 5013.4, 5010.4, 5005.6               

5H Outlook

ที่มา: Investing.com                                                            

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5003.4 - 5013.4 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 5013.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5023.0 และ SL ที่ประมาณ 4998.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 5023.0 - 5033.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5035.5 และ SL ที่ประมาณ 5008.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5023.0 - 5033.0 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 5023.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5010.3 และ SL ที่ประมาณ 5038.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5003.4 - 5013.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 4996.0 และ SL ที่ประมาณ 5028.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Feb 13, 2024 09:51AM GMT+7