เงินรูปีของอินเดียทรงตัวที่ประมาณ 83 รูปีต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยยังคงทรงตัวอยู่ใกล้จุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยที่ทางธนาคารกลางอินเดียได้ส่งสัญญาณว่าจะยังคงสนับสนุนค่าเงินรูปีไม่ให้อ่อนค่าลงไปมากกว่านี้ ท่ามกลางการไหลเข้าของสกุลเงินต่างประเทศเป็นจำนวนมาก แต่ยังไม่มีแนวโน้มที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจเพิ่มเติมเนื่องจากกังวลปัญหาด้านเงินเฟ้อและจำนวนเงินที่ลงทุนจากต่างประเทศในตอนนี้ก็เพียงพอแล้ว
ธนาคารกลางอินเดียคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 6.5% สำหรับการประชุมครั้งล่าสุด โดยเป็นการคงอัตราดอกเบี้ยครั้งที่ 6 ติดต่อกัน ผู้กำหนดนโยบายยังจำเป็นต้องจับตาดูเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิดเนื่องจากราคาอาหารและราคาพลังงานมีความผันผวน นอกจากนี้ ธนาคารกลางคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจสำหรับปีงบประมาณ 2025 อยู่ที่ 7% โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 7.2% ในไตรมาสที่ 1, 6.8% ในไตรมาส 2, 7% ในไตรมาสที่ 3 และ 6.9% ในไตรมาสที่ 4
ธนาคารกลางอินเดียยังคงกรอบเป้าหมายของอัตราเงินเฟ้อไว้ที่ 2-6% ในระยะกลาง โดยทางผู้ว่าการ RBI แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการลดอัตราเงินเฟ้อลงเหลือ 4% ในเวลาที่เหมาะสมและยั่งยืน โดยคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปี 2024 ว่ายังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 5.4% และการเติบโตของ GDP อยู่ที่ 7.3%
อัตราเงินเฟ้อในอินเดียลดลงเหลือ 5.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมกราคม จาก 5.69% ในเดือนก่อนหน้า การชะลอตัวนี้ส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากการที่อัตราเงินเฟ้อด้านอาหารลดลง โดยลดลงเหลือ 8.3% จาก 9.5% ซึ่งเป็นผลมากจากราคาผักและผลไม้ที่เริ่มชะลอตัวลงด้วย นอกจากนี้ ราคาน้ำมันสำหรับทำอาหารยังคงลดลงมากกว่า 15%
ดัชนีราคาขายส่งของอินเดียเพิ่มขึ้น 0.27% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมกราคม โดยได้รับแรงหนุนมาจากการลดราคาของอาหารและสินค้าที่ไม่ใช่อาหาร โดยอัตราเงินเฟ้อขายส่งอาหารลดลงเหลือ 3.79% และราคาสินค้าที่ไม่ใช่อาหารยังคงลดลงต่อเนื่องที่ 6.56% ส่งผลให้ธุรกิจต่างๆ เริ่มมีต้นทุนที่ถูกลง
อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอินเดียอายุ 10 ปีอยู่ที่ระดับ 7.11% ซึ่งเพิ่มขึ้นตามอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เนื่องจากเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ลดลงน้อยกว่าที่คาด ด้านนักลงทุนยังคงรับฟังสัญญาณจากธนาคารกลางอินเดีย แม้ว่าจะเริ่มลดความหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย แต่ตัวเลข PMI และ GDP ทำได้ดีกว่าประเทศเศรษฐกิจหลักอื่นๆ อย่างมีนัยสำคัญ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีสำหรับนักลงทุนและเศรษฐกิจในประเทศ
แนวต้านสำคัญ: 83.058, 83.078, 83.113
แนวรับสำคัญ: 83.004, 82.97, 82.95
Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 82.97 - 83.004 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 83.004 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.078 และ SL ที่ประมาณ 82.95 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 83.058 - 83.078 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.113 และ SL ที่ประมาณ 82.97 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 83.058 - 83.078 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 83.058 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 82.97 และ SL ที่ประมาณ 83.113 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 82.97 - 83.004 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 82.95 และ SL ที่ประมาณ 83.078 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดกลับตัว 15 กุมภาพันธ์ 2567 15:30 น. GMT+7
|
ชื่อ
|
S3
|
S2
|
S1
|
จุดกลับตัว
|
R1
|
R2
|
R3
|
| Classic | 82.95 | 82.97 | 83.004 | 83.024 | 83.058 | 83.078 | 83.113 |
| Fibonacci | 82.97 | 82.991 | 83.003 | 83.024 | 83.045 | 83.057 | 83.078 |
| Camarilla | 83.024 | 83.029 | 83.034 | 83.024 | 83.044 | 83.049 | 83.054 |
| Woodie's | 82.958 | 82.974 | 83.012 | 83.028 | 83.066 | 83.082 | 83.121 |
| DeMark's | - | - | 83.014 | 83.029 | 83.068 | - | - |
List of content
FXtoday.news เป็นเพียงเว็บไซต์ที่นำเสนอข่าวสาร และให้ความรู้เกี่ยวกับตลาดทางการเงิน โดยไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อชักนำหรือเชิญชวน ในการลงทุนแต่อย่างใด โดยจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสียหรือความเสียหายใด ๆ ที่เกิดจากการพึ่งพาข้อมูลที่มีอยู่ในเว็บไซต์นี้ รวมถึงข่าวการตลาด การวิเคราะห์ สัญญาณการซื้อขาย และบทวิจารณ์
