ตลาดฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ส่งสัญญาณสร้างความกังวล ท่ามกลางการดีดตัวของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี

ตลาดฟิวเจอร์สสหรัฐฯ ส่งสัญญาณกลับตัวลดลงเริ่มต้นสัปดาห์ในวันจันทร์ โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนของหุ้นในกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์ และความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนต่างรอคอยการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญและผลประกอบการของบริษัทต่างๆ ที่ยังคงมีกำหนดเปิดเผยในปลายสัปดาห์นี้

ทั้งนี้ แรงดีดตัวของหุ้นในกลุ่มธุรกิจ AI ในสัปดาห์ก่อนได้ผลักดันให้ดัชนีต่างๆ ในวอลล์สตรีททำสถิติสูงสุด อย่างไรก็ตาม แรงขายทำกำไรและความวิตกกังวลก่อนการอ่านค่าเงินเฟ้อที่สำคัญได้ส่งผลให้เกิดการกลัวตัว โดยแม้ว่าดัชนี S&P 500 และ DJIA จะแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ Nasdaq Composite ยังคงลดลงเล็กน้อย หลังจากที่ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นในช่วง 15 จาก 17 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นความสำเร็จที่หาได้ยากนับตั้งแต่ปี 1989 ตามข้อมูลของ Deutsche Bank

นอกจากนี้ การคาดการณ์ที่แข็งแกร่งของบริษัทผู้ออกแบบชิปอย่าง NVIDIA เมื่อสัปดาห์ก่อนได้มีส่วนทำให้กลุ่มเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วย AI พุ่งสูงขึ้น และผลักดันให้ Dow และ S&P ขึ้นสู่จุดนิวไฮ ขณะที่ Alphabet ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ Google สะดุดหลังจากประกาศแผนการที่จะเปิดตัวเครื่องมือ AI อีกครั้ง ท่ามกลาง Berkshire Hathaway ที่ลดลงเนื่องจากความกังวลที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีของรัฐบาลสหรัฐฯ ต่อบริษัทพลังงาน PacifiCorp

อย่างไรก็ดี ท่ามกลางฤดูกาลผลประกอบการของบริษัทในไตรมาสที่สี่ที่ใกล้จะสิ้นสุดลง พบการรายงานผลประกอบการที่หลากหลาย ส่งผลให้บริษัท Zoom Video Communications เพิ่มขึ้น 12% หลังจากมีรายได้ที่แข็งแกร่ง ในขณะที่ Unity Software ร่วงลงเกือบ 19% จากการออกจากธุรกิจ

ในขณะเดียวกัน หุ้นที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency ปรับตัวขึ้นพร้อมกับ Bitcoin ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 4% โดยได้รับแรงหนุนจากความต้องการอย่างต่อเนื่องสำหรับ Bitcoin-spot ETF ที่เพิ่งได้รับการอนุมัติเมื่อเดือนที่แล้ว และเหตุการณ์ Bitcoin halving ที่กำลังจะเกิดขึ้น

ทางด้านดอลลาร์ซื้อขายอ่อนตัวในวันอังคารเนื่องจากตลาดต่างรอคอยข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญซึ่งส่งสัญญาณถึงช่วงเวลาที่เป็นไปได้ทีอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยอัตราเงินเฟ้อจะเป็นประเด็นสำคัญในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าการเปิดเผยข้อมูลราคาค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ในเดือนมกราคมจะสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้นได้ ท่ามกลางการเพิ่มขึ้นของดัชนีราคาที่ยังคงหนืดในเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ได้บั่นทอนความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ใกล้จะเกิดขึ้น โดยจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟดแห่งนิวยอร์กย้ำเตือนถึงความเสี่ยงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่เร็วเกินไป

อย่างไรก็ดี การอ่านข้อมูลทางเศรษฐกิจต่างๆ สัปดาห์นี้ประกอบด้วย คำสั่งซื้อสินค้าคงทนหลัก, PMI ภาคการผลิตของ ISM, ยอดขายบ้านใหม่และที่รอดำเนินการ, รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภค, รายงานกิจกรรมทางเศรษฐกิจของรัฐ และข้อมูล GDP ไตรมาสที่สี่ที่แก้ไขแล้ว

โดยบริษัทผู้ค้าปลีกเช่น Lowe's, Macy's, TJX และ Best Buy มีกำหนดเปิดเผยผลประกอบการรายไตรมาสในสัปดาห์นี้ ซึ่งคาดว่าจะสามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภคได้ ท่ามกลางจุดโฟกัสของตลาดที่เปลี่ยนจากการรายงานรายได้ไปสู่แนวโน้มนโยบายการเงินที่จะเกิดขึ้น ขณะที่นักลงทุนยังคงคาดหวังถึง "การลงจอดอย่างนุ่มนวล" ที่เฟดจะสามารถปรับลดอัตราเงินเฟ้อได้โดยไม่กระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ จึงอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมยังคงความเสี่ยงในการกลับตัวลงมาได้เล็กน้อย จากความไม่แน่นอนของข้อมูลเศรษฐกิจในช่วงนี้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD US 500 [S&P 500]

แนวต้านสำคัญ : 5067.7, 5068.9, 5070.7

แนวรับสำคัญ : 5064.1, 5062.9, 5061.1    

30Min Outlook

ที่มา: Investing.com

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5059.1 - 5064.1 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 5064.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5067.7 และ SL ที่ประมาณ 5057.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 5067.7 - 5072.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5075.0 และ SL ที่ประมาณ 5062.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5067.7 - 5072.7 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 5067.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5062.9 และ SL ที่ประมาณ 5075.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5059.1 - 5064.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5055.0 และ SL ที่ประมาณ 5070.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Feb 27, 2024 09:00AM GMT+7