ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลงท่ามกลางความกังวลก่อนรายงานข้อมูลเงินเฟ้อ

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เผชิญกับแรงกดดันในช่วงต้นสัปดาห์การซื้อขายในภาคส่วนต่างๆ รวมถึงเทคโนโลยี อุตสาหกรรม และการเงิน ขณะที่นักลงทุนเตรียมพร้อมสำหรับรายงานข้อมูลเงินเฟ้อ โดยหลังจากการเพิ่มขึ้นในสัปดาห์ก่อน ดาวโจนส์และ S&P 500 ได้ร่วงลงเนื่องจากนักลงทุนประเมินจุดยืนของธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย ก่อนการรายงานตัวเลขเงินเฟ้อในปลายสัปดาห์นี้ ส่งผลให้ดัชนีหุ้นหลักทั้งสามดัชนีของสหรัฐฯ ปิดตัวลดลง โดยดาวโจนส์เผชิญกับเปอร์เซ็นต์ติดลบที่มากที่สุด

ท่ามกลางแนวโน้มเชิงบวกในหุ้นปัญญาประดิษฐ์ (AI) ช่วงหลังการซื้อขาย ความเชื่อมั่นโดยรวมของตลาดวอลล์สตรีทกลับดูเหมือนซบเซาลงหลังจากที่ได้ทำสถิติสูงสุดในสัปดาห์ที่แล้ว โดยการดำเนินการด้านกฎระเบียบต่อบริษัทเทคโนโลยีได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของตลาด

ทั้งนี้ ในสัปดาห์ที่แล้ว S&P 500 ได้ดีดตัวสูงขึ้น โดยพบเปอร์เซ็นต์เพิ่มขึ้นรายสัปดาห์ที่สูงที่สุดนับตั้งแต่กลางเดือนธันวาคม ขณะที่นักวิเคราะห์ตลาดเตือนถึงการปรับฐานที่อาจใกล้จะเกิดขึ้น เมื่อพิจารณาจากอัตราที่เพิ่มขึ้นถึง 27% ของดัชนี S&P 500 นับตั้งแต่ปลายเดือนตุลาคม

ขณะเดียวกัน นักลงทุนบางรายยังคงมุมมองในแง่ดี โดยเชื่อว่าแนวโน้มขาขึ้นของตลาดจะยังคงดำเนินต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อหุ้นขนาดใหญ่แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่ง โดย Goldman Sachs คาดการณ์ว่า S&P 500 จะปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก จากความแข็งแกร่งของหุ้นเมก้าแคป

อย่างไรก็ดี ดัชนี S&P 500 อาจมีแนวโน้มที่จะเข้าสู่ปีที่ 11 ของตลาดกระทิงในปัจจุบัน โดยการวิเคราะห์เชิงเปรียบเทียบในอดีตชี้ให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างต่อเนื่องจนถึงปี 2029 เป็นอย่างน้อย ซึ่งหุ้นเติบโตยังคงมีประสิทธิภาพเหนือกว่าหุ้นพื้นฐาน จากบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI ที่มีส่วนช่วยผลักดันความสำเร็จล่าสุดของตลาด

นอกจากนี้ ผลการดำเนินงานของตลาดหุ้นในปีนี้ยังได้รับอิทธิพลอย่างมากจากราคาต่อกำไรที่ขยายตัวมากกว่าการเติบโตของกำไร ขณะที่นักวิเคราะห์เน้นย้ำถึงความสำคัญของนโยบายของธนาคารกลางในการรักษามูลค่าหุ้นที่สูงในปัจจุบัน

ทางด้านดัชนี Nasdaq ประสบกับความผันผวนตลอดช่วงการซื้อขาย โดยได้รับแรงหนุนจากบริษัทผู้ผลิตชิป เช่น Nvidia และ Micron Technology ท่ามกลางความกังวลที่เกิดขึ้นหลังจากมีรายงานว่าจีนอาจวางแผนที่จะยุติการใช้งานไมโครโปรเซสเซอร์ของสหรัฐฯ ในคอมพิวเตอร์ของรัฐบาล

ทางด้านหุ้นของ Boeing ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากการเปลี่ยนแปลงฝ่ายบริหาร ในขณะที่ United Airlines เผชิญกับการลดลงเนื่องจากการกำกับดูแลด้านกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน หุ้นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่อย่าง Apple, Meta Platforms และ Alphabet ยังคงเผชิญกับผลกระทบจากการตรวจสอบจากหน่วยงานกำกับดูแลของสหภาพยุโรป ขณะที่บริษัท Walt Disney พบการปรับตัวสูงขึ้น หลังจากรายงานบทวิคราะห์ที่ปรับปรุงจากบาร์คลีส์ ท่ามกลางความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในตัวแทนและฝ่ายบริหารอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เน้นย้ำถึงแนวทางที่ระมัดระวังต่อการเปลี่ยนแปลงอัตราดอกเบี้ย โดยข้อมูลเงินเฟ้อและแถลงการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นมีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของตลาด จึงอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมแม้อาจยังคงแนวโน้มเชิงบวกในระยะนี้ แต่ยังคงความผันผวนและความเสี่ยงในการกลับตัวได้อย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H) CFD US 500 [S&P 500]

แนวต้านสำคัญ : 5227.6, 5229.0, 5231.3

แนวรับสำคัญ : 5223.0, 5221.6, 5219.3                         

5H Outlook

ที่มา: Investing.com 

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5213.0 - 5223.0 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 5223.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5228.5 และ SL ที่ประมาณ 5208.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 5227.6 - 5237.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5242.0 และ SL ที่ประมาณ 5218.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5227.6 - 5237.6 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 5227.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5222.5 และ SL ที่ประมาณ 5243.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5213.0 - 5223.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5208.0 และ SL ที่ประมาณ 5233.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Mar 26, 2024 10:18AM GMT+7