ตลาดถั่วเหลืองยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน
ตลาดถั่วเหลืองร่วงลงเล็กน้อยจากแรงกดดันจากการขายกองทุนและการขายทางเทคนิค อีกทั้งยังได้รับผลกระทบจากตลาดน้ำมันถั่วและน้ำมันปาล์ม ขณะที่ราคากากถั่วเหลืองพบการซื้อขายที่ขาดทิศทางที่แน่ชัด ก่อนที่จะปิดตลาดด้วยราคาที่ต่ำลง จากอิทธิพลของการเคลื่อนไหวของถั่วเหลืองและน้ำมันถั่วเหลือง
ขณะเดียวกัน ผลผลิตอย่างต่อเนื่องของบราซิลยังคงรักษาความได้เปรียบด้านราคาเหนือสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ตาม ผลผลิตโดยเฉลี่ยของบราซิลได้รับการรายงานว่าต่ำกว่าปีที่แล้วตามคาด เนื่องจากความท้าทายในระหว่างการเพาะปลูก โดยตลาดต่างตั้งตารอรายงานตัวเลขอุปทาน อุปสงค์ และผลผลิตของ USDA ซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันที่ 11 เมษายน พร้อมด้วยอัปเดตแนวโน้มจาก CONAB บราซิล
ทางด้าน ANEC หรือสมาคมผู้ส่งออกธัญพืชแห่งชาติ รายงานการส่งออกถั่วเหลืองจากบราซิลต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อยในเดือนมีนาคม ในขณะที่ความกังวลด้านลอจิสติกส์ระยะยาวจากผลกระทบของการพังทลายของสะพาน France Scott Key ในเมืองบัลติมอร์ได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด
เมื่อพิจารณาแนวโน้มอุปทานและการใช้ถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ในปี 2023/24 การคาดการณ์ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันถั่วเหลืองลดลงเล็กน้อย ขณะที่ผลผลิตเมล็ดพันธุ์น้ำมันทั่วโลกในช่วงเวลาเดียวกันได้รับการแก้ไขลดลง โดยมีสาเหตุหลักมาจากผลผลิตถั่วเหลืองและเมล็ดทานตะวันที่ลดลง ซึ่งส่วนหนึ่งถูกชดเชยด้วยผลผลิตเรพซีดที่สูงขึ้น นอกจากนี้ ผลผลิตถั่วเหลืองในบราซิลและแอฟริกาใต้ลดลง และส่งผลต่อการคาดการณ์อุปสงค์และอุปทานทั่วโลก โดยมีคาดว่าสต็อกคงคลังทั่วโลกจะลดลงเช่นกัน
ทั้งนี้ การศึกษาที่ดำเนินการโดยหน่วยบริการวิจัยเศรษฐกิจของ USDA จำลองผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงที่เกี่ยวข้องกับสภาพภูมิอากาศต่อผลผลิตข้าวโพดและถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ในอนาคต ซึ่งได้ส่งผลกระทบต่อตลาดและการค้าจนถึงเมื่อกลางปี 2020 โดยการศึกษาคาดการณ์ว่าการส่งออกถั่วเหลืองจะลดลง แต่การส่งออกข้าวโพดอาจจะเพิ่มขึ้นภายในปี 2036 เนื่องจากสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลง
ทางด้านภูมิทัศน์ทางการเกษตรของสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนไปยังการเพาะปลูกถั่วเหลือง ได้รับแรงหนุนจากแผนลดคาร์บอนของประธานาธิบดีไบเดน และความต้องการน้ำมันดีเซลหมุนเวียนที่เพิ่มขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้การเพาะปลูกถั่วเหลืองขึ้นมานำ และโค่นตลาดข้าวโพดที่เป็นพืชหลักได้ในอนาคต
อย่างไรก็ตาม ยังมีความกังวลเกี่ยวกับการเพาะปลูกถั่วเหลืองเป็นพืชหลัก เนื่องจากเกษตรกรจำนวนมากที่ยังคงนิยมปลูกข้าวโพดเนื่องจากความได้เปรียบตามฤดูกาลและเก็บเกี่ยวได้ง่าย อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการปลูกถั่วเหลืองจะเพิ่มขึ้นในปี 2024 แม้ว่าข้าวโพดจะยังคงครองพื้นที่เพาะปลูกก็ตาม
ทางด้านที่ปรึกษาด้านธุรกิจการเกษตรคาดการณ์ว่าผลผลิตถั่วเหลืองของบราซิลจะสูงถึง 156.5 ล้านเมตริกตันในปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากพื้นที่ปลูกที่เพิ่มขึ้น โดยแม้ว่าสภาพอากาศจะมีความไม่แน่นอนในช่วงแรก แต่พื้นที่เพาะปลูกถั่วเหลืองของประเทศอาจลดลงเล็กน้อยในฤดูกาลหน้า ซึ่งจะถือเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2006 ขณะเดียวกัน สภาพอากาศแห้งในพื้นที่เกษตรกรรมที่สำคัญของอาร์เจนตินาคาดว่าจะเอื้อต่อการเริ่มเก็บเกี่ยวถั่วเหลืองและข้าวโพดหลังมีฝนตกหนักเมื่อเร็วๆ นี้ ตามรายงานการค้าธัญพืชบัวโนสไอเรส
ทางด้านบังคลาเทศ การอุปโภคบริโภคน้ำมันถั่วเหลืองลดลงเนื่องจากความต้องการน้ำมันทางเลือกที่ถูกกว่า เช่น มัสตาร์ดและน้ำมันปาล์มเพิ่มขึ้น โดยโครงการริเริ่มของรัฐบาลได้ส่งเสริมการเพาะปลูกมัสตาร์ด และส่งผลให้ความต้องการน้ำมันถั่วเหลืองลดลง
ทั้งนี้ ท่ามกลางอุปทานที่เพียงพอของสหรัฐฯ และความเป็นไปได้ในการปลูกถั่วเหลืองที่เพิ่มขึ้น ความเชื่อมั่นของตลาดยังคงอยู่ท่ามกลางความระมัดระวัง หลังจากตลาดถั่วเหลืองประสบกับแรงกดดันในการขายทางเทคนิค เนื่องจากนักลงทุนที่รอรายงานจาก USDA พร้อมกับความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่ในสัตว์ (HPAI) และการปิดท่าเรือบัลติมอร์ รวมถึงราคาน้ำมันถั่วเหลืองที่อ่อนแออันเป็นผลมาจากการขายทำกำไรในสัญญาซื้อขายน้ำมันปาล์มล่วงหน้า
อย่างไรก็ดี แม้อารมณ์โดยรวมของตลาดจะอยู่ในช่วงขาลง แต่ก็มีสัญญาณบ่งชี้ถึงแนวโน้มขาขึ้นที่อาจเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดถั่วเหลือง ซึ่งราคาได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยทางเทคนิค เช่น EMA50 เชิงบวก และตัวชี้วัด Stochastic ที่บ่งชี้ถึงระดับขายมากที่เกินไป (Oversold) จึงอาจส่งผลให้เกิดการกลับตัวของแนวโน้มขาขึ้น ที่ราคาเป้าหมายที่ $1231.20 โดยหากแนวรับทะลุที่ $1193.10 อาจส่งสัญญาณการกลับไปสู่แนวโน้มขาลงหลัก ซึ่งช่วงการซื้อขายที่คาดหวังสำหรับระยะนี้จะอยู่ระหว่างแนวรับ $1,190.00 และแนวต้าน $1,220.00
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US Soybeans Futures - May 24 (ZSK4)
แนวต้านสำคัญ : 1191.49, 1192.20, 1193.50
แนวรับสำคัญ : 1189.01, 1188.24, 1187.00
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1187.01 - 1189.01 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1189.01ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1192.25 และ SL ที่ประมาณ 1186.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1191.49 - 1193.49 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1195.70 และ SL ที่ประมาณ 1188.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1191.49 - 1193.49 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1191.49 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1189.00 และ SL ที่ประมาณ 1194.50 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1187.01 - 1189.01 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1185.75 และ SL ที่ประมาณ 1192.50 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Mar 28, 2024 10:04AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1185.75 | 1187 | 1189 | 1190.25 | 1192.25 | 1193.5 | 1195.5 |
Fibonacci | 1187 | 1188.24 | 1189.01 | 1190.25 | 1191.49 | 1192.26 | 1193.5 |
Camarilla | 1190.11 | 1190.4 | 1190.7 | 1190.25 | 1191.3 | 1191.6 | 1191.89 |
Woodie's | 1186.13 | 1187.19 | 1189.38 | 1190.44 | 1192.63 | 1193.69 | 1195.88 |
DeMark's | - | - | 1189.62 | 1190.56 | 1192.88 | - | - |
ที่มา: Nasdaq, Economies.com
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ