ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขาดทิศทางที่แน่ชัด จับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจและรายงานรายได้
ดัชนี S&P 500 และดัชนีดาวโจนส์เผชิญกับการลดลง ในขณะที่ Nasdaq ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย ขณะที่นักลงทุนปรับลดความคาดหวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ท่ามกลางราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง จากความเป็นไปได้ที่จะมีการหารือเกี่ยวกับการหยุดยิงในฉนวนกาซา
ทั้งนี้ ตลาดฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ยังคงค่อนข้างทรงตัว บ่งชี้ถึงกิจกรรมการซื้อขายที่เบาบางหลังจากรายงานผลการดำเนินงานที่ซบเซาในวอลล์สตรีท ท่ามกลางการคาดการณ์การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญและรายงานผลประกอบการของบริษัท ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดโดยเผชิญความผันผวนเล็กน้อย สะท้อนถึงการซื้อขายท่ามกลางความระมัดระวัง ขณะที่นักลงทุนรอการรายงานข้อมูลเงินเฟ้อที่และการเริ่มประกาศผลประกอบการไตรมาสแรก
โดยแม้จะมีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งในสัปดาห์ก่อน แต่ดัชนีหลักๆ ยังปรับตัวลดลงจำนวนมาก โดยสาเหตุหลักมาจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับจุดยืนของธนาคารกลางสหรัฐฯ ต่ออัตราดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนต่างตั้งตารอการเปิดเผยตัวเลขอัตราเงินเฟ้อราคาผู้บริโภคในเดือนมีนาคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากข้อมูลการเติบโตของตลาดแรงงานในสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งเกินคาด ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยทันที
ขณะเดียวกัน ในดัชนี S&P 500 กลุ่มธุรกิจหลัก 6 กลุ่มจาก 11 กลุ่มปิดตัวลดลง โดยหุ้นพลังงานร่วงต่ำลงอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่หุ้นอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมาก ท่ามกลางหุ้นของ Tesla ที่เพิ่มขึ้น 4.9% หลังจากที่ CEO Elon Musk ประกาศแผนเปิดตัว Robotaxi ที่ขับเคลื่อนอัตโนมัติของบริษัทในเดือนสิงหาคม
ทางด้านบริษัท Boeing เผชิญกับอุปสรรค หลังจากฝาครอบเครื่องยนต์หลุดออกจากเครื่องบินของสายการบินเซาท์เวสต์ แอร์ไลน์ ระหว่างที่เครื่องขึ้นในเดนเวอร์ ส่งผลให้สำนักงานบริหารการบินแห่งชาติเข้าสอบสวน โดย Moody's Investors Service ได้จัดอันดับเครดิตของ Boeing ไว้ภายใต้การทบทวนความเป็นไปได้ในการปรับลดอันดับ ส่งผลให้หุ้นของบริษัทลดลงเกือบ 30% เมื่อเทียบเป็นรายปี
ทางด้านหุ้นกลุ่มพลังงานยังคงทรงตัวเนื่องจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง ท่ามกลางความคาดหวังในการหยุดยิงในความขัดแย้งระหว่างอิสราเอล-ฮามาส ซึ่งช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของอุปทานในตะวันออกกลาง โดยราคาน้ำมันลดลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากความเชื่อมั่นในการหยุดยิงที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางความคาดหวังว่าอุปทานน้ำมันจะถูกจำกัดมากขึ้น จากการลดการผลิตโดย OPEC และรัสเซีย
ในขณะเดียวกัน หุ้นสกุลเงินดิจิทัล รวมถึง Coinbase Global, MicroStrategy, RIOT, MARA และ COIN พุ่งสูงขึ้น หลังจากราคา Bitcoin ทะลุ 72,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรก
ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ขยับสูงขึ้นในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนปรับการคาดการณ์ใหม่เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่ได้แรงหนุนจากรายงานการจ้างงานที่แข็งแกร่งเมื่อวันศุกร์ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 4 เดือน ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 30 ปีได้ปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรนี้มาพร้อมกับการเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี ซึ่งโดยทั่วไปจะบ่งบอกถึงการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยคาดการณ์
อย่างไรก็ดี นักลงทุนตั้งตารอฤดูกาลผลประกอบการไตรมาสแรกที่จะมาถึง โดยโฟกัสไปที่ธนาคารใหญ่ๆ เช่น JPMorgan Chase, Citigroup และ Wells Fargo พร้อมด้วย Delta Airlines และ BlackRock ที่มีกำหนดรายงานข้อมูลอัปเดตรายไตรมาส
โดยผู้สังเกตการณ์ตลาดสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่คาดว่าจะฟื้นตัว ซึ่งอาจลดโอกาสที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ขณะที่ภาคส่วนธุรกิจที่เชื่อมโยงกับการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น การเงิน พลังงาน และอุตสาหกรรม ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดี ในขณะที่หุ้นคุณภาพยังคงเป็นจุดสนใจสำคัญสำหรับนักลงทุน
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ของ Wells Fargo คาดการณ์การเติบโตอย่างต่อเนื่องในดัชนี S&P 500 โดยอ้างถึงตลาดขาขึ้นที่กำลังดำเนินอยู่ ซึ่งขับเคลื่อนโดยปัญญาประดิษฐ์ ขณะที่ JPMorgan ปรับขึ้นราคาเป้าหมายสำหรับ Spotify และ Netflix โดยยังคงรักษาแนวโน้มเชิงบวกสำหรับทั้งสองบริษัทก่อนการรายงานผลประกอบการ จึงอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมแม้อาจยังคงแนวโน้มเชิงบวกในระยะนี้ แต่ยังคงความผันผวนและความเสี่ยงในการกลับตัวลดลงได้อย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD US 500 [S&P 500]
แนวต้านสำคัญ : 5205.4, 5205.8, 5206.6
แนวรับสำคัญ : 5203.8, 5203.4, 5202.6
30Min Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5201.8 - 5203.8 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 5203.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5205.8 และ SL ที่ประมาณ 5201.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 5205.4 - 5207.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5209.0 และ SL ที่ประมาณ 5203.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5205.4 - 5207.4 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 5205.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5203.8 และ SL ที่ประมาณ 5208.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5201.8 - 5203.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5200.0 และ SL ที่ประมาณ 5206.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Apr 9, 2024 10:04AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 5201.8 | 5202.6 | 5203.8 | 5204.6 | 5205.8 | 5206.6 | 5207.8 |
Fibonacci | 5202.6 | 5203.4 | 5203.8 | 5204.6 | 5205.4 | 5205.8 | 5206.6 |
Camarilla | 5204.4 | 5204.6 | 5204.8 | 5204.6 | 5205.2 | 5205.4 | 5205.6 |
Woodie's | 5202 | 5202.7 | 5204 | 5204.7 | 5206 | 5206.7 | 5208 |
DeMark's | - | - | 5204.2 | 5204.8 | 5206.2 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ