บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 29 เมษายน 2567

Create at 6 months ago (Apr 29, 2024 10:16)

ผลประกอบการบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ขับเคลื่อนตลาดหุ้น ตลาดจับตาดูการประชุมเฟด

ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ขยับสูงขึ้น สะท้อนถึงโมเมนตัมเชิงบวกจากช่วงการซื้อขายของตลาดวอลล์สตรีทที่แข็งแกร่งในวันศุกร์ ที่ได้รับแรงผลักดันจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นที่มีการเติบโตขนาดใหญ่ หลังรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Alphabet และ Microsoft พร้อมด้วยข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง ซึ่งกระตุ้นให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของตลาดโดยรวมลดลงจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอเกินคาดในไตรมาสแรก ขณะที่ภาคส่วนต่างๆ นอกเหนือจากเทคโนโลยียังคงซบเซา ประกอบกับสัญญาณแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ที่ส่งผลต่อความหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง

ทั้งนี้ การประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งแรกของ Alphabet และโครงการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ประกอบกับผลประกอบการไตรมาสแรกที่ดีเกินคาด ได้ผลักดันให้หุ้นของบริษัททำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และได้ผลักดันมูลค่าตลาดสูงกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกัน Microsoft มีผลการดำเนินงานที่เกินความคาดหมายของตลาด โดยได้แรงหนุนจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในบริการคลาวด์

อย่างไรก็ตาม รายงานผลประกอบการบางบริษัทยังคงไม่สามารถแสดงศักยภาพได้ โดย Meta Platforms พบราคาหุ้นลดลงอย่างมากกว่า 10% หลังจากแนวโน้มรายจ่ายฝ่ายทุนและการดำเนินการเกี่ยวกับโครงการริเริ่มด้านปัญญาประดิษฐ์ที่สูงขึ้น ส่งผลให้หุ้นในภาคการสื่อสารลดลง และส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มอื่น ๆ เช่น การดูแลสุขภาพ สินค้าอุปโภคบริโภค และอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทในดัชนี S&P 500 ในช่วงฤดูกาลผลประกอบการนี้ แสดงให้เห็นถึงช่องว่างที่สำคัญระหว่างบริษัทที่สามารถและไม่สามารถบรรลุเป้าหมายรายได้

ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาสแรกที่พุ่งสูงขึ้นจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีได้กระตุ้นให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งสูงขึ้น โดยได้แรงหนุนจากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับความต้องการปัญญาประดิษฐ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ท่ามกลางฤดูกาลรายงานผลประกอบการที่ยังคงดำเนินต่อไปในสัปดาห์นี้ โดย Amazon และ Apple ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่สุดท้ายในกลุ่ม "Magnificent Seven" ที่เตรียมรายงานผลประกอบการ ควบคู่ไปกับบริษัทใหญ่ ๆ เช่น Coca-Cola, Advanced Micro Devices และ Eli Lilly

อย่างไรก็ตาม หุ้นของ Apple ได้ปรับตัวลดลงอย่างมากในปีนี้ โดยคาดว่ากำไรไตรมาสแรกจะลดลงเนื่องจากยอดขายสมาร์ทโฟนในจีนที่ลดลง ขณะที่ธุรกิจการประมวลผลแบบคลาวด์ของ Amazon และข้อมูลเชิงลึกด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภคถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด และแม้ว่ารายงานที่แข็งแกร่งจาก Microsoft และบริษัทแม่ของ Google อย่าง Alphabet ได้มีส่วนทำให้ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน แต่บริษัทอื่นๆ เช่น Tesla และ Meta Platforms ยังคงแสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่หลากหลาย

นักลงทุนยังคงคาดการณ์ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ จากการประชุมที่กำลังจะถึง โดยเชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงเดือนกันยายนหรือไตรมาสที่ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูง ความแข็งแกร่งในการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ และความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้ของสหรัฐฯ โดยนักลงทุนจะโฟกัสไปที่การเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนมีนาคม ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญของอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ท่ามกลางแผนการคืนเงินที่กำลังจะมีขึ้นของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่ยังรอคอยเบาะแสเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการเงินระยะยาว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับหนี้ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น จึงอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมแม้อาจยังคงแนวโน้มเชิงบวกเล็กน้อยในระยะนี้ แต่ยังคงความผันผวนและความเสี่ยงในการกลับตัวลดลงได้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD US30 DJIA

แนวต้านสำคัญ : 38369.7, 38374.8, 38383.0

แนวรับสำคัญ : 38353.3, 38348.2, 38340.0              

30Min Outlook

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มา: TradingView                                                         

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 38333.3 - 38353.3 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 38353.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 38369.7 และ SL ที่ประมาณ 38323.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 38369.7 - 38389.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 38400.0 และ SL ที่ประมาณ 38343.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 38369.7 - 38389.7 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 38369.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 38348.0 และ SL ที่ประมาณ 38399.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 38333.3 - 38353.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 38320.0 และ SL ที่ประมาณ 38379.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Apr 29, 2024 09:57AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 38326.5 38340 38348 38361.5 38369.5 38383 38391
Fibonacci 38340 38348.2 38353.3 38361.5 38369.7 38374.8 38383
Camarilla 38350.1 38352.1 38354 38361.5 38358 38359.9 38361.9
Woodie's 38323.7 38338.6 38345.2 38360.1 38366.7 38381.6 38388.2
DeMark's - - 38344 38359.5 38365.5 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES