ผลประกอบการบริษัทเทคยักษ์ใหญ่ขับเคลื่อนตลาดหุ้น ตลาดจับตาดูการประชุมเฟด
ในช่วงเย็นวันอาทิตย์ ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ขยับสูงขึ้น สะท้อนถึงโมเมนตัมเชิงบวกจากช่วงการซื้อขายของตลาดวอลล์สตรีทที่แข็งแกร่งในวันศุกร์ ที่ได้รับแรงผลักดันจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นที่มีการเติบโตขนาดใหญ่ หลังรายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่แข็งแกร่งจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอย่าง Alphabet และ Microsoft พร้อมด้วยข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง ซึ่งกระตุ้นให้หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของตลาดโดยรวมลดลงจากการเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอเกินคาดในไตรมาสแรก ขณะที่ภาคส่วนต่างๆ นอกเหนือจากเทคโนโลยียังคงซบเซา ประกอบกับสัญญาณแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ที่ส่งผลต่อความหวังที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง
ทั้งนี้ การประกาศจ่ายเงินปันผลครั้งแรกของ Alphabet และโครงการซื้อคืนหุ้นมูลค่า 7 หมื่นล้านดอลลาร์ ประกอบกับผลประกอบการไตรมาสแรกที่ดีเกินคาด ได้ผลักดันให้หุ้นของบริษัททำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และได้ผลักดันมูลค่าตลาดสูงกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะเดียวกัน Microsoft มีผลการดำเนินงานที่เกินความคาดหมายของตลาด โดยได้แรงหนุนจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ในบริการคลาวด์
อย่างไรก็ตาม รายงานผลประกอบการบางบริษัทยังคงไม่สามารถแสดงศักยภาพได้ โดย Meta Platforms พบราคาหุ้นลดลงอย่างมากกว่า 10% หลังจากแนวโน้มรายจ่ายฝ่ายทุนและการดำเนินการเกี่ยวกับโครงการริเริ่มด้านปัญญาประดิษฐ์ที่สูงขึ้น ส่งผลให้หุ้นในภาคการสื่อสารลดลง และส่งผลกระทบต่อหุ้นในกลุ่มอื่น ๆ เช่น การดูแลสุขภาพ สินค้าอุปโภคบริโภค และอสังหาริมทรัพย์ ขณะที่ผลการดำเนินงานของบริษัทในดัชนี S&P 500 ในช่วงฤดูกาลผลประกอบการนี้ แสดงให้เห็นถึงช่องว่างที่สำคัญระหว่างบริษัทที่สามารถและไม่สามารถบรรลุเป้าหมายรายได้
ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาสแรกที่พุ่งสูงขึ้นจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีได้กระตุ้นให้หุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งสูงขึ้น โดยได้แรงหนุนจากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับความต้องการปัญญาประดิษฐ์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ท่ามกลางฤดูกาลรายงานผลประกอบการที่ยังคงดำเนินต่อไปในสัปดาห์นี้ โดย Amazon และ Apple ซึ่งเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่สุดท้ายในกลุ่ม "Magnificent Seven" ที่เตรียมรายงานผลประกอบการ ควบคู่ไปกับบริษัทใหญ่ ๆ เช่น Coca-Cola, Advanced Micro Devices และ Eli Lilly
อย่างไรก็ตาม หุ้นของ Apple ได้ปรับตัวลดลงอย่างมากในปีนี้ โดยคาดว่ากำไรไตรมาสแรกจะลดลงเนื่องจากยอดขายสมาร์ทโฟนในจีนที่ลดลง ขณะที่ธุรกิจการประมวลผลแบบคลาวด์ของ Amazon และข้อมูลเชิงลึกด้านการใช้จ่ายของผู้บริโภคถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด และแม้ว่ารายงานที่แข็งแกร่งจาก Microsoft และบริษัทแม่ของ Google อย่าง Alphabet ได้มีส่วนทำให้ดัชนี S&P 500 เพิ่มขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน แต่บริษัทอื่นๆ เช่น Tesla และ Meta Platforms ยังคงแสดงให้เห็นถึงผลการดำเนินงานที่หลากหลาย
นักลงทุนยังคงคาดการณ์ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ จากการประชุมที่กำลังจะถึง โดยเชื่อว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอาจไม่เกิดขึ้นจนกว่าจะถึงเดือนกันยายนหรือไตรมาสที่ 4 เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูง ความแข็งแกร่งในการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ และความกังวลเกี่ยวกับระดับหนี้ของสหรัฐฯ โดยนักลงทุนจะโฟกัสไปที่การเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ประจำเดือนมีนาคม ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดสำคัญของอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ท่ามกลางแผนการคืนเงินที่กำลังจะมีขึ้นของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ที่ยังรอคอยเบาะแสเกี่ยวกับกลยุทธ์ทางการเงินระยะยาว ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับหนี้ของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น จึงอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมแม้อาจยังคงแนวโน้มเชิงบวกเล็กน้อยในระยะนี้ แต่ยังคงความผันผวนและความเสี่ยงในการกลับตัวลดลงได้
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD US30 DJIA
แนวต้านสำคัญ : 38369.7, 38374.8, 38383.0
แนวรับสำคัญ : 38353.3, 38348.2, 38340.0
30Min Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 38333.3 - 38353.3 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 38353.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 38369.7 และ SL ที่ประมาณ 38323.3 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 38369.7 - 38389.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 38400.0 และ SL ที่ประมาณ 38343.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 38369.7 - 38389.7 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 38369.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 38348.0 และ SL ที่ประมาณ 38399.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 38333.3 - 38353.3 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 38320.0 และ SL ที่ประมาณ 38379.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Apr 29, 2024 09:57AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 38326.5 | 38340 | 38348 | 38361.5 | 38369.5 | 38383 | 38391 |
Fibonacci | 38340 | 38348.2 | 38353.3 | 38361.5 | 38369.7 | 38374.8 | 38383 |
Camarilla | 38350.1 | 38352.1 | 38354 | 38361.5 | 38358 | 38359.9 | 38361.9 |
Woodie's | 38323.7 | 38338.6 | 38345.2 | 38360.1 | 38366.7 | 38381.6 | 38388.2 |
DeMark's | - | - | 38344 | 38359.5 | 38365.5 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ