ธนาคารแห่งแคนาดาอาจลดอัตราดอกเบี้ยก่อนเฟด ท่ามกลางค่าเงินที่อ่อนค่าและความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ

จากการสำรวจของนักวิเคราะห์ ธนาคารแห่งประเทศแคนาดา (BoC) อาจลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้งก่อนที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะทำการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรก ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับค่าเงินดอลลาร์แคนาดาที่อ่อนค่าลงและอาจคุกคามกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อ โดยเงินดอลลาร์แคนาดาอ่อนค่าลงเกือบ 3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในปีนี้ ซึ่งจุดประกายให้เกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับขอบเขตนโยบายทางการเงินของ BoC ที่แตกต่างจากนโยบายการเงินของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่า BoC จะเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนมิถุนายนหรือกรกฎาคม โดยข้อมูลเงินเฟ้อที่จะเผยแพร่จะยังคงมีบทบาทสำคัญ ในทางกลับกัน เฟดคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้จนถึงเดือนกันยายน แม้ว่าจะพบรายงานตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ที่ต่ำกว่าคาด โดยความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยที่มากขึ้นอาจกดดันเงินดอลลาร์แคนาดาอย่างต่อเนื่อง

อย่างไรก็ตาม ทิฟ แม็กเล็ม ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศแคนาดาตั้งข้อสังเกตเมื่อเร็ว ๆ นี้ว่าถึงแม้จะมีขีดจำกัดเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และแคนาดาที่สามารถแตกต่างกันได้มากเพียงใด แต่ปัจจุบันยังไม่ถึงขีดจำกัดนั้น โดยเศรษฐกิจของแคนาดายังคงตามหลังสหรัฐฯ จากผลผลิตที่ลดลง หนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น และระยะเวลาการจำนองที่สั้นลง ซึ่งปัจจัยเหล่านี้อาจส่งผลให้ BoC ดำเนินการเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยก่อนเฟดได้

ทางด้านสินค้านำเข้าแคนาดาเผชิญกับราคาที่สูงขึ้นจากค่าเงินที่อ่อนลง และอาจส่งผลให้ราคาผู้บริโภคสูงขึ้นได้ โดยอัตราเงินเฟ้อในแคนาดาอยู่ที่ 2.9% ต่อปีในเดือนมีนาคม ลดลงจาก 8.1% ในเดือนมิถุนายน 2022 ขณะที่ OECD คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของแคนาดาจะเติบโต 1% ในปีนี้ เทียบกับ 2.6% ในสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ในเดือนเมษายน ตลาดงานของแคนาดายังคงแข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ จากการเพิ่มขึ้นของตำแหน่งงาน 90,400 ตำแหน่ง ซึ่งสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 18,000 ตำแหน่ง และยังคงรักษาอัตราการว่างงานไว้ที่ 6.1% โดยหลังจากรายงานการจ้างงาน พบความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนลดลงเหลือ 48% จาก 54% และคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนค่อนข้างที่จะแน่นอน

ในภาพรวมทั่วโลก ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เผชิญกับการลดลงรายสัปดาห์อย่างมีนัยสำคัญ หลังจากที่ยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ที่อ่อนแอลงและอัตราเงินเฟ้อที่ต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ เพิ่มความคาดหวังที่เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยตั้งแต่เดือนกันยายนสูงขึ้น ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดหลายคนยังคงรอความมั่นใจในทิศทางขาลงของอัตราเงินเฟ้อก่อนที่จะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน โดยแม้จะพบสัญญาณทางเศรษฐกิจที่หลากหลาย เช่น ยอดขายปลีกที่ทรงตัวและผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ลดลง แต่เฟดก็คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยที่สูงไว้นานขึ้น เนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ยังคงมีอยู่

ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจโลก รวมถึงการเปิดเผย PMI จากสหรัฐอเมริกา จีน ยูโรโซน และสหราชอาณาจักร อาจบ่งชี้ถึงแนวโน้มเชิงบวกท่ามกลางการใช้ความระมัดระวังได้ ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟด รวมถึงเจ้าหน้าที่จากแอตแลนตา คลีฟแลนด์ นิวยอร์ก และริชมอนด์ มีกำหนดกล่าวแถลงตลอดทั้งสัปดาห์ พร้อมกันกับการรายงานทางเศรษฐกิจเกี่ยวกับยอดขายบ้าน คำสั่งซื้อสินค้าคงทน และความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดทางการค้าอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ และจีน ยังคงก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจทั่วโลกและอัตราเงินเฟ้อ ขณะที่การเลือกตั้งของสหรัฐฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นอาจขัดขวางการฟื้นตัวของจีน และอาจจุดชนวนอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ อีกครั้งได้ ซึ่งอาจส่งผลให้คู่สกุล USD/CAD ยังคงทรงตัวซื้อขายในกรอบปัจจุบันได้อย่างต่อเนื่อง จากผลตอบแทนของระหว่างสองประเทศที่ไม่ต่างกันมาก โดยอาจพบการกลับตัวแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ได้อยู่บ้างเล็กน้อย

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD USD/CAD

แนวต้านสำคัญ : 1.3609, 1.3611, 1.3614

แนวรับสำคัญ : 1.3603, 1.3601, 1.3598                  

1H Outlook

ที่มา: TradingView                                             

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3598 - 1.3603 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.3603 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3609 และ SL ที่ประมาณ 1.3596 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3609 - 1.3614 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3621 และ SL ที่ประมาณ 1.3601 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3609 - 1.3614 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.3609 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3601 และ SL ที่ประมาณ 1.3616 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.3598 - 1.3603 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3590 และ SL ที่ประมาณ 1.3611 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points May 20, 2024 09:05AM GMT+7