บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 21 พฤษภาคม 2567

Create at 7 months ago (May 21, 2024 10:10)

ดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางความคาดหวังปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากเฟด

ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐฯ เคลื่อนไหวเล็กน้อยในช่วงเย็นวันจันทร์ หลังจากที่ Nasdaq พุ่งแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยได้แรงหนุนจากความแข็งแกร่งในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ท่ามกลางนักลงทุนที่มุ่งเน้นไปที่รายงานผลประกอบการของ Nvidia ที่กำลังจะมีขึ้น ซึ่งคาดว่าจะแสดงการเติบโตของรายได้อย่างมีนัยสำคัญ และยังคงใช้ความระมัดระวังเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงของอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้น จากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ

ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ดัชนีดาวโจนส์ปิดเหนือระดับ 40,000 เป็นครั้งแรก ขณะที่ดัชนีหุ้นฟิวเจอร์สอื่นๆ ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจอาจกำลังเย็นตัวลง กระตุ้นความคาดหวังว่าเฟดอาจลดอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนกันยายน และส่งผลให้ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ขึ้นสู่ระดับสูงสุดใหม่

โดยกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีในดัชนี S&P 500 นำกำไรเพิ่มขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากหุ้นบริษัทผู้ผลิตชิปที่เพิ่มขึ้นอย่าง Nvidia ขณะที่ดาวโจนส์ร่วงลงเล็กน้อยหลังจากขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่โดยรวม ผลประกอบการที่แข็งแกร่งและอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงได้เพิ่มความหวังถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ส่งผลให้ดัชนีหุ้นหลัก ๆ ยังคงอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยรายงานผลประกอบการของ Nvidia จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการรักษาแนวโน้มการเติบโต โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ภาคธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์พบการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างไรก็ดี แม้จะมีการเคลื่อนไหวของตลาดในแง่ดี แต่พบความกังวลเกี่ยวกับการประเมินมูลค่าหุ้นเพิ่มขึ้น โดยพบดัชนี S&P 500 มีการซื้อขายสูงกว่าอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) โดยเฉลี่ยในอดีต

Deutsche Bank ได้เพิ่มเป้าหมายราคาสิ้นปี 2024 สำหรับ S&P 500 มาอยู่ที่ 5,500 ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาโบรกเกอร์ใหญ่ โดยอ้างถึงผลประกอบการที่แข็งแกร่งขององค์กรต่างๆ ทั้งยังเพิ่มการคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) สำหรับบริษัทในดัชนี S&P 500 มาอยู่ที่ 258 ดอลลาร์ โดยคาดว่าอาจพบการเติบโตต่อไปถึง 271 ดอลลาร์ หากสภาพเศรษฐกิจยังคงเป็นบวก

ในทางตรงกันข้าม JPMorgan Chase & Co. ยังคงมุมมองแนวโน้มตลาดหุ้นแบบขาลง โดยแนะนำว่าตลาดหุ้นอาจไม่ใช่การลงทุนที่น่าสนใจ จากการประเมินมูลค่าที่สูงและส่วนต่างของกำไรที่ตึงตัว อีกทั้งยังอ้างถึงอัตราดอกเบี้ย อัตราเงินเฟ้อที่สูง ความตึงเครียดของผู้บริโภค และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ในการเป็นปัจจัยที่สนับสนุนจุดยืนที่ใช้ความระมัดระวัง

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley ได้คาดการณ์ว่า S&P 500 อาจพุ่งสูงถึง 5,400 ภายในเดือนมิถุนายน 2025 โดยปรับเพิ่มขึ้นจากเป้าหมายก่อนหน้านี้ที่ 4,500 สำหรับเดือนธันวาคมปีนี้ โดยราคาเป้าหมาย 12 เดือนใหม่ของ Morgan Stanley สำหรับ S&P 500 สะท้อนถึงอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E) ที่ 19 เท่าจากกำไรต่อหุ้นล่วงหน้าที่ 283 ดอลลาร์ภายในเดือนมิถุนายน 2026

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley ยังเน้นย้ำถึงศักยภาพของ AI ในการเพิ่มอัตรากำไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคส่วนธุรกิจที่อาจได้รับประโยชน์ เช่น ซอฟต์แวร์และบริการ การบริการผู้บริโภค อุปกรณ์และบริการด้านสุขภาพ บริการทางการเงิน และสื่อและความบันเทิง โดย Morgan Stanley ได้ให้ความสนใจกับตลาดหุ้นญี่ปุ่นและยุโรปเนื่องจากการประเมินมูลค่าที่น่าดึงดูดและผลกำไรที่ยังคงยืดหยุ่น ขณะเดียวกันกับการเลือกลงทุนในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยมุ่งเน้นไปที่อินเดียและเทคโนโลยีเซมิคอนดักเตอร์ในเกาหลีและไต้หวัน

ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ เตรียมเปิดเผยรายงานการประชุมครั้งล่าสุด พร้อมกับเจ้าหน้าที่เฟดที่จะแถลงในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่เฟดยังคงย้ำเตือนถึงความจำเป็นที่จะต้องมีหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยืนยันแนวโน้มของอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงก่อนที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งอาจเริ่มขึ้นในเดือนกันยายน ขณะที่ความสนใจของนักลงทุนอยู่ที่รายงานตัวเลขสินค้าคงทนและข้อมูลความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เพื่อมองหาสัญญาณเพิ่มเติมของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจ และยืนยันถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดที่อาจเกิดขึ้นในปีนี้

ทั้งนี้ Nvidia ซึ่งเป็นธุรกิจผู้เล่นหลักในอุตสาหกรรม AI มีกำหนดรายงานผลประกอบการในวันพุธนี้ และคาดว่าจะมีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยเฉพาะในภาค AI หลังจากที่หุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบ 92% ในปีนี้ จากความคาดหวังที่สูงขึ้นในหน่วยประมวลผลกราฟิกเฉพาะด้าน AI โดย Nvidia คาดการณ์การเติบโตของรายได้ ซึ่งได้รับแรงหนุนจากหน่วยดาต้าเซ็นเตอร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรต่อหุ้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 5.57 ดอลลาร์จาก 1.09 ดอลลาร์ โดยรายงานผลประกอบการจะได้รับการจับตาดูอย่างใกล้ชิด เนื่องจากความคิดเห็นของ CEO เจนเซ่น หวงและการแข่งขันจากผู้ผลิตชิปรายอื่นๆ และบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี เช่น Google และ Amazon อาจส่งผลกระทบต่อแนวโน้มในอนาคตของ Nvidia ได้ จึงอาจส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยรวมอาจยังคงแนวโน้มเชิงบวกได้อยู่บ้างเล็กน้อยในช่วงนี้ ท่ามกลางความผันผวนและความเสี่ยงในการกลับตัวลงได้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US 500 [S&P 500]

แนวต้านสำคัญ : 5310.1, 5310.8, 5311.9

แนวรับสำคัญ : 5307.9, 5307.2, 5306.1

1H Outlook

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มา: TradingView

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5304.9 - 5307.9 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 5307.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5310.1 และ SL ที่ประมาณ 5303.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 5310.1 - 5313.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5315.5 และ SL ที่ประมาณ 5306.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5310.1 - 5313.1 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 5310.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5307.2 และ SL ที่ประมาณ 5314.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5304.9 - 5307.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5301.5 และ SL ที่ประมาณ 5311.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points May 21, 2024 09:36AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 5304.3 5306.1 5307.2 5309 5310.1 5311.9 5313
Fibonacci 5306.1 5307.2 5307.9 5309 5310.1 5310.8 5311.9
Camarilla 5307.5 5307.8 5308 5309 5308.6 5308.8 5309.1
Woodie's 5303.9 5305.9 5306.8 5308.8 5309.7 5311.7 5312.6
DeMark's - - 5306.7 5308.7 5309.6 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES