สัญญาซื้อขายถั่วเหลืองร่วงลงท่ามกลางความคืบหน้าการเพาะปลูกพืชในสหรัฐฯ

สัญญาซื้อขายถั่วเหลืองและธัญพืชล่วงหน้าทรงตัวในชั่วข้ามคืน หลังจากนักลงทุนประเมินความคืบหน้าในการเพาะปลูก โดยเมื่อเริ่มต้นสัปดาห์ พบการปลูกถั่วเหลืองสหรัฐ 68% เพิ่มขึ้นจาก 52% ในสัปดาห์ก่อนหน้าและสูงกว่าค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีที่ 63%

ราคาถั่วเหลืองลดลงเนื่องจากการขายทำกำไรและการขายทางเทคนิค ท่ามกลางความคืบหน้าในการเพาะปลูก โดยตลาดคาดว่าจะพบความคืบหน้าเพิ่มเติมก่อนที่ฝนจะตกหนัก และมีการคาดเดาว่าการปลูกข้าวโพดที่ล่าช้าอาจทำให้พื้นที่ปลูกถั่วเหลืองเพิ่มขึ้น ขณะที่สภาพอากาศที่เอื้อต่อการเก็บเกี่ยวที่ดีขึ้นในอาร์เจนตินาที่เป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ ได้กดดันราคากากถั่วเหลือง ท่ามกลางราคาน้ำมันถั่วที่เพิ่มขึ้นจากการค้าส่วนต่างและราคาน้ำมันปาล์มที่สูงขึ้น ขณะที่การเก็บเกี่ยวที่ล่าช้าในบราซิลตอนใต้ยังคงถูกติดตาม และการคาดการณ์การส่งออกถั่วเหลืองของบราซิลในเดือนพฤษภาคมต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เล็กน้อย

สำหรับปี 2024/25 อุปทานถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ปริมาณการบด การส่งออก และสต็อกสิ้นสุด คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2023/24 ท่ามกลางการปรับปรุงวิธีการเพาะปลูกจากเมล็ดถั่วเหลือง โดยลดการใช้เมล็ดพันธุ์ต่อเอเคอร์ ขณะที่การส่งออกถั่วเหลืองของสหรัฐฯ คาดว่าจะอยู่ที่ 1.83 พันล้านบุชเชล เพิ่มขึ้น 125 ล้านบุชเชล ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลจากการเก็บเกี่ยวที่ลดลงของบราซิล โดยสต็อกคงเหลือคาดว่าจะอยู่ที่ 445 ล้านบุชเชล เพิ่มขึ้น 105 ล้านบุชเชล และราคาถั่วเหลืองเฉลี่ยคาดว่าจะอยู่ที่ 11.20 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ลดลงจาก 12.55 ดอลลาร์ในปี 2023/24

ทางด้านผลผลิตเมล็ดพันธุ์พืชน้ำมัน การบด การส่งออก และสต็อสิ้นสุดในปี 2024/25 ทั่วโลก คาดว่าจะเพิ่มขึ้น โดยผลผลิตคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 687.1 ล้านตัน จากผลผลิตถั่วเหลืองที่สูงขึ้นในอเมริกาใต้ สหรัฐอเมริกา และแอฟริกาใต้ โดยผลผผลิตถั่วเหลืองของบราซิลคาดว่าจะอยู่ที่ 169 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจาก 154 ล้านตัน ในขณะที่ผลผลิตของอาร์เจนตินาคาดว่าจะอยู่ที่ 51 ล้านตัน และปริมาณการบดเมล็ดพืชน้ำมันทั่วโลก โดยเฉพาะถั่วเหลืองคาดว่าจะเพิ่มขึ้น จากอาร์เจนตินา จีน ปากีสถาน และสหรัฐอเมริกา โดยการส่งออกถั่วเหลืองทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4% ได้แรงหนุนจากการส่งออกที่สูงขึ้นจากสหรัฐอเมริกา บราซิล อาร์เจนตินา และยูเครน ขณะที่การนำเข้าถั่วเหลืองของจีนคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4 ล้านตันเป็น 109 ล้านตัน และสต็อกสิ้นสุดทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 16.7 ล้านตันเป็น 128.5 ล้านตัน ในบราซิล อาร์เจนตินา สหรัฐอเมริกา และจีน

ทั้งนี้ ความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนดีขึ้นนับตั้งแต่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างปี 2018 ถึง 2020 ถึงจุดสูงสุด ซึ่งเป็นช่วงที่การส่งออกถั่วเหลืองของสหรัฐฯ ไปยังจีนลดลง โดยแม้ว่าการส่งออกจะดีดตัวขึ้น แต่จีนยังคงกระจายแหล่งซื้อถั่วเหลืองอย่างต่อเนื่อง หรือนำเข้าเพิ่มขึ้นจากบราซิล อาร์เจนตินา และรัสเซีย โดยนิยมถั่วเหลืองของบราซิลมากกว่าของอเมริกา เป็นผลให้ส่วนแบ่งการนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ของจีน ลดลงจาก 39% ในปี 2016 มาอยู่ที่ 13% ในปี 2018 ท่ามกลางแนวโน้มที่คาดว่าจะยังคงดำเนินต่อไป ขณะที่ความต้องการของจีนสำหรับการนำเข้าพืชผลคุณภาพสูง ควบคู่ไปกับการเพาะปลูกภายในประเทศที่เพิ่มขึ้น ยังคงกำหนดทิศทางตลาดถั่วเหลืองทั่วโลก

ทางด้านสัญญาซื้อขายถั่วเหลืองล่วงหน้าร่วงลง 8 ถึง 9 เซนต์เมื่อเช้าวันพุธที่ผ่านมา โดยยังคงมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจากช่วงสุดสัปดาห์วันหยุด จากการซื้อขายทางเทคนิคและความคืบหน้าการเพาะปลูกที่ดีขึ้นอย่างรวดเร็วของสหรัฐฯ ขณะที่ราคากากถั่วเหลืองลดลง และราคาน้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ท่ามกลางรายงานตัวเลขการตรวจสอบการส่งออกที่ 212,105 ตัน เพิ่มขึ้น 10.3% จากสัปดาห์ก่อน แต่ลดลง 17.3% จากปีที่แล้ว

อย่างไรก็ดีแม้ว่าสภาพอากาศจะมีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวของราคา แต่ราคาถั่วเหลืองอาจยังคงอยู่ในกรอบแคบๆ หากไม่พบอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นหรือสภาพอากาศที่เอื้อต่อการเพาะปลูกอย่างมาก โดยแนวโน้มขาลงของถั่วเหลืองคาดว่าจะดำเนินต่อไป เว้นแต่ราคาจะทะลุเหนือ 1,231.20 ดอลลาร์ ซึ่งอาจผลักดันให้แนวโน้มของราคาเพิ่มขึ้น ซึ่งช่วงการซื้อขายที่คาดการณ์ไว้ในช่วงนี้อยู่ระหว่างแนวรับ 1,190.00 ดอลลาร์ และแนวต้าน 1,225.00 ดอลลาร์

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD US Soybeans Futures - Jul 24 (ZSN4)

แนวต้านสำคัญ : 1215.97, 1216.45, 1217.21

แนวรับสำคัญ : 1214.45, 1213.97, 1213.21                  

30Min Outlook  

ที่มา: TradingView             

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1214.25 - 1214.45 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1214.45 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1216.17 และ SL ที่ประมาณ 1214.15 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1215.97 - 1216.17 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1218.20 และ SL ที่ประมาณ 1214.35 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1215.97 - 1216.17 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1215.97 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1214.17 และ SL ที่ประมาณ 1217.17 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1214.25 - 1214.45 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1212.00 และ SL ที่ประมาณ 1216.07 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points May 30, 2024 09:33AM GMT+7