หุ้นเทคสูงขึ้น Dow เผชิญทิศทางไม่แน่ชัดท่ามกลางความผันผวนของตลาด
ในวันจันทร์ ดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้นเล็กน้อยท่ามกลางเซสชั่นการซื้อขายที่ปั่นป่วนซึ่งได้รับผลกระทบจากข้อมูลภาคการผลิตที่อ่อนตัว และการหยุดชะงักการซื้อขายหุ้นจำนวนมากชั่วคราวเนื่องจากความผิดพลาดจากระบบของ NYSE ในทางกลับกัน ดาวโจนส์ปิดตัวลงเนื่องจากหุ้นในกลุ่มพลังงานลดลงจากราคาน้ำมันที่ตกต่ำ และตัวเลขภาคการผลิตที่บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้นอย่างมากในวันศุกร์ และถือเป็นการปรับตัวสูงที่สุดของปี ท่ามกลางเดือนที่มีการซื้อขายที่แข็งแกร่งจากนักลงทุน โดยได้รับแรงหนุนส่วนหนึ่งจากมาตรวัดเงินเฟ้อของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่เป็นไปตามความคาดหวัง
ทั้งนี้ ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐฯ บ่งชี้ถึงการเริ่มต้นสัปดาห์การซื้อขายที่หลากหลาย โดยความสนใจมุ่งเน้นไปที่รายงานการจ้างงานที่กำลังจะมีขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับการปรับอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้น โดยในเดือนพฤษภาคม ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 2.4% S&P 500 เพิ่มขึ้น 4.8% และ Nasdaq เพิ่มขึ้น 6.9%
ทางด้าน Nvidia Corporation หลังจากเปิดตัวโปรเซสเซอร์ปัญญาประดิษฐ์รุ่นใหม่ ได้ส่งผลต่อการปรับตัวเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีในตลาดวอลล์สตรีทอย่างมีนัยสำคัญ โดยหุ้นของ Nvidia พุ่งขึ้นเกือบ 5% ในวันจันทร์และแตะระดับเกือบสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเซสชั่นหลังการขาย ซึ่ง Nvidia ได้ประกาศสถาปัตยกรรมชิปล่าสุดในนาม "Rubin" โดยมีกำหนดจัดส่งในปี 2026 และมีเป้าหมายเพื่อรักษาความได้เปรียบในการแข่งขันกับคู่แข่งอย่าง Advanced Micro Devices และ Intel ในขณะที่ AMD ได้เปิดตัวชิป AI ของตัวเอง แต่ส่งผลให้หุ้นลดลงมากกว่า 2%
ขณะเดียวกัน GameStop Corp ประสบกับราคาหุ้นพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยปิดสูงขึ้น 21% ในวันจันทร์ หลังจากการเปิดเผยเกี่ยวกับอินฟลูเอนเซอร์ คีธ กิลล์หรือที่รู้จักในชื่อ Roaring Kitty ที่ได้ลงทุนจำนวนมากในบริษัท ซึ่งคล้ายคลึงกับการเพิ่มขึ้นของหุ้นกลุ่มตลาดมีมในปี 2021 ขณะที่ AMC Entertainment Holdings Inc และ Koss Corporation พบการปรับตัวสูงขึ้นเช่นกัน แต่ในอัตราที่ชะลอตัวลง
ทางด้านหุ้นกลุ่มพลังงานลดลงอย่างเห็นได้ชัดมากกว่า 2% ทำให้เกิดแรงกดดันต่อตลาดในวงกว้าง โดยได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่อ่อนแออย่างต่อเนื่อง และการตัดสินใจของ OPEC และพันธมิตรในการยืดการควบคุมการผลิตในปัจจุบันจนถึงปี 2025 อย่างไรก็ตาม กลุ่ม OPEC ได้ประกาศแผนที่จะค่อยๆ ยุติการปรับลดการผลิตบางส่วนหลังไตรมาสที่สาม ซึ่งได้ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับอุปทานส่วนเกินที่อาจเกิดขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของอุปสงค์น้ำมันดิบ โดยการเคลื่อนไหวครั้งนี้ส่งสัญญาณถึงการเปลี่ยนแปลงในการสนับสนุนตลาดโดย OPEC+ โดยเฉพาะซาอุดีอาระเบีย ซึ่งนักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่าอาจก่อให้เกิดความท้าทายในปี 2025 ได้ ขณะที่บริษัทต่างๆ เช่น Halliburton Company, Diamondback Energy Inc และ Baker Hughes Co เป็นหนึ่งในบริษัทหลักในภาคส่วนนี้ที่เผชิญกับราคาที่ลดลง
อย่างไรก็ดี การคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงมากขึ้นท่ามกลางตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในช่วงที่ผ่านมา โดยนักลงทุนเริ่มเดิมพันมากขึ้นถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่อาจเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายน ขณะที่เครื่องมือ CME Fedwatch สะท้อนถึงความน่าจะเป็น 52.5% ของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยพื้นฐาน 25 จุดในเดือนกันยายน เพิ่มขึ้นจาก 47% ก่อนหน้านี้ ท่ามกลางข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อในเดือนพฤษภาคมที่ระบุถึงกิจกรรมการผลิตที่ชะลอตัวติดต่อกันเป็นครั้งที่สอง หลังจากการปรับลดตัวเลขข้อมูลผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศของสหรัฐฯ ในไตรมาสแรก
โดยปัจจุบัน ความสนใจของตลาดมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนพฤษภาคมที่กำลังจะเกิดขึ้น และข้อมูลตำแหน่งงานว่างจาก JOLTS ซึ่งทั้งสองข้อมูลจะส่งผลต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งคาดว่าธนาคารกลางจะยังคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD US 500 [S&P 500]
แนวต้านสำคัญ : 5280.2, 5281.8, 5282.7
แนวรับสำคัญ : 5288.4, 5286.8, 5285.9
30Min Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5285.4 - 5288.4 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 5288.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5286.2 และ SL ที่ประมาณ 5284.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 5280.2 - 5283.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5288.0 และ SL ที่ประมาณ 5281.2 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5280.2 - 5283.2 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 5280.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5282.1 และ SL ที่ประมาณ 5284.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5285.4 - 5288.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5280.0 และ SL ที่ประมาณ 5287.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Jun 4, 2024 10:36AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 5278 | 5280.2 | 5282.1 | 5284.3 | 5286.2 | 5288.4 | 5290.3 |
Fibonacci | 5280.2 | 5281.8 | 5282.7 | 5284.3 | 5285.9 | 5286.8 | 5288.4 |
Camarilla | 5282.8 | 5283.1 | 5283.5 | 5284.3 | 5284.3 | 5284.7 | 5285 |
Woodie's | 5277.8 | 5280.1 | 5281.9 | 5284.2 | 5286 | 5288.3 | 5290.1 |
DeMark's | - | - | 5281.1 | 5283.8 | 5285.2 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ