เศรษฐกิจอินเดียเติบโตได้ดีกว่าที่คาด
เงินรูปีของอินเดียแข็งค่าเกิน 83.4 รูปีต่อดอลลาร์สหรัฐ เนื่องจาก Narendra Modi ของ BJP สามารถรักษาตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 3 สมัยติดต่อกัน ในขณะเดียวกันที่นักลงทุนกำลังประเมินนโยบายการเงินในปัจจุบัน ซึ่งคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอินเดียจะคงอัตราดอกเบี้ยต่อไป นอกจากนี้ยังมีความกังวลว่าอินเดียจะยังขยายการเติบโตและดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศได้ดีเท่าเมื่อก่อนหรือไม่ อีกทั้งการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญยังคอยกดดันสถานะทางการคลัง ทำให้รัฐบาลอินเดียอาจจำเป็นต้องออกพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มเติม
เศรษฐกิจอินเดียขยายตัว 7.8% ในไตรมาสที่ 1 ของปี 2024 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ว่าจะขยายตัว 6.7% แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจอินเดียและยืนยันว่าอินเดียยังคงเป็นประเทศเศรษฐกิจหลักที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก นำโดยการขยายตัวของภาคการผลิตที่ 8.9% รองลงมาคือการก่อสร้างที่ 8.7%
ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ถือโดยธนาคารกลางอินเดียเพิ่มขึ้นเป็น 648.7 พันล้านดอลลาร์ เป็นผลมาจากการไหลเข้าของสกุลเงินต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการเติบโตที่แข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมาและการรวมสินทรัพย์ของอินเดียเข้ากับกองทุนระหว่างประเทศ ทำให้เสริมความมั่นใจต่อนักลงทุนมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินหยวน, เยนและวอน ผลักดันให้อินเดียสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้ดีมากขึ้น
S&P Global Ratings เปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตอธิปไตยของอินเดียเป็น 'Positive' จาก 'Stable' และคงอันดับระดับหนี้ไว้ที่ BBB- โดยการพิจารณาในครั้งนี้ได้รับแรงสนับสนุนจากการเติบโตที่แข็งแกร่งและศักยภาพการใช้จ่ายจากภาครัฐที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงการปฏิรูปเศรษฐกิจและการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ซึ่งทั้งหมดนี้สนับสนุนการเติบโตในระยะยาว ขณะเดียวกันก็เพิ่มความสามารถในการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอาจส่งผลให้อันดับเครดิตปรับตัวดีขึ้นอีกภายใน 24 เดือนข้างหน้า
อัตราผลตอบแทนพันฐบัตรรัฐบาลของอินเดียอายุ 10 ปีอยู่ที่ 7.01% เพิ่มขึ้นเล็กน้อยหลังจากการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น โดยค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เพิ่มขึ้นของอินเดียในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ได้เพิ่มความเสี่ยงด้านเครดิตในพันธบัตรอินเดีย และเป็นอันตรายต่ออุปสงค์จากต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม Das ผู้ว่าการ RBI ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้ และส่งสัญญาณว่า RBI อาจไม่รอให้ Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อน
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 83.485, 83.535, 83.585
แนวรับสำคัญ: 83.384, 83.335, 83.284
ที่มา: Investing.com
Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 83.335 - 83.384 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 83.384 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.535 และ SL ที่ประมาณ 83.284 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 83.485 - 83.535 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.585 และ SL ที่ประมาณ 83.335 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 83.485 - 83.535 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 83.485 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.335 และ SL ที่ประมาณ 83.585 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 83.335 - 83.384 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 83.284 และ SL ที่ประมาณ 83.535 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดกลับตัว 7 มิถุนายน 2567 20:45 น. GMT+7
ชื่อ
|
S3
|
S2
|
S1
|
จุดกลับตัว
|
R1
|
R2
|
R3
|
Classic | 83.284 | 83.335 | 83.384 | 83.435 | 83.485 | 83.535 | 83.585 |
Fibonacci | 83.335 | 83.373 | 83.397 | 83.435 | 83.473 | 83.497 | 83.535 |
Camarilla | 83.406 | 83.415 | 83.425 | 83.435 | 83.443 | 83.452 | 83.461 |
Woodie's | 83.284 | 83.335 | 83.384 | 83.435 | 83.485 | 83.535 | 83.585 |
DeMark's | - | - | 83.359 | 83.422 | 83.46 | - | - |