บทวิเคราะห์ AUD/USD วันที่ 17 มิถุนายน 2567

Create at 5 months ago (Jun 17, 2024 10:16)

RBA คาดคงอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์คาดการณ์การปรับลดไตรมาส ปี 2024

จากผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์รอยเตอร์ คาดว่าธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.35% ในการประชุมครั้งที่ 5 ติดต่อกัน โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในไตรมาสสุดท้ายของปี ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและอัตราการว่างงานที่ผ่อนคลายลงเหลือ 4% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงแสดงให้เห็นถึงการลดอัตราที่ไม่น่าเป็นไปได้เร็วๆ นี้

โดยมีการคาดการณ์ว่า RBA จะคงอัตราปัจจุบันไว้จนถึงไตรมาสหน้า ตามด้วยการปรับลด 25 จุดเหลือ 4.10% ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 และคาดว่าจะปรับลดเพิ่มเติมอีก 25 จุดในแต่ละไตรมาสในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ของปี 2025 โดยคาดว่าจะคงอัตราชั่วคราวไว้ในไตรมาสที่ 3 และอาจลดอัตราลงเหลือ 3.35% ภายในสิ้นปี 2025

ทั้งนี้ เศรษฐกิจออสเตรเลียเติบโตเพียงเล็กน้อยในไตรมาสเดือนมีนาคม สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการกู้ยืมและอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดย GDP เพิ่มขึ้นเพียง 1.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสที่ 1 ปี 2024 ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ และชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคอ่อนตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าการใช้จ่ายของรัฐบาลที่ช่วยอุดหนุนครัวเรือนและบรรเทาค่าใช้จ่ายด้านพลังงานจะช่วยให้ GDP เป็นบวกได้ ท่ามกลางการลงทุนทางธุรกิจที่ลดลง โดยพบรายจ่ายฝ่ายทุนทั้งหมดลดลง 0.9%

ในเดือนพฤษภาคม การจ้างงานของออสเตรเลียเกินความคาดหมาย โดยพบการจ้างงานสุทธิเพิ่มขึ้น 39,700 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากจำนวนงานเต็มเวลาที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางอัตราการว่างงานที่ลดลงเหลือ 4.0% โดยดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นในช่วงสั้นๆ หลังการรายงานข้อมูลดังกล่าว ก่อนจะร่วงลงอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา

ทางด้านภาวะทางธุรกิจในออสเตรเลียลดลงมากขึ้นในเดือนพฤษภาคม โดยจากการสำรวจของธนาคารแห่งชาติออสเตรเลีย แสดงให้เห็นว่าดัชนีภาวะทางธุรกิจลดลง เนื่องจากยอดขายและการเติบโตของกำไรลดลง แม้ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น โดยพบการเติบโตของราคาขายปลีกรายไตรมาสและแรงกดดันด้านต้นทุนเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง

ทางด้านดุลการค้าของออสเตรเลียดีขึ้นในเดือนเมษายน โดยแตะระดับ 6.5 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (4.34 พันล้านดอลลาร์) เนื่องจากการนำเข้าที่ลดลงอย่างมาก 7.2% เทียบกับการส่งออกที่ลดลงเพียง 2.5% ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการชะลอตัวของอุปสงค์ทั่วโลก โดยเฉพาะจากจีน โดยแม้ว่าราคาและปริมาณการส่งออกหลักๆ ของแร่เหล็กและถ่านหินจะลดต่ำลง แต่การเกินดุลการค้ายังคงเกินความคาดหมาย จากความต้องการอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เสื้อผ้า และอุปทานทางอุตสาหกรรมที่ลดลง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจท้องถิ่นที่อ่อนแอ

ขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนรอข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญจากประเทศจีน เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก

ทางด้านราคานำเข้าของสหรัฐฯ ลดลงในเดือนพฤษภาคมเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน เนื่องจากต้นทุนพลังงานที่ลดลง ส่งผลให้แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในประเทศดีขึ้น ขณะที่รายงานเชิงบวกจากกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยการอ่านค่าเงินเฟ้อล่าสุดที่ผ่อนคลายลง ยังคงหล่อเลี้ยงความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน

ทั้งนี้ แม้จะพบสัญญาณของภาวะเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐฯ ได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนมิถุนายน ตามรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยความกังวลเกี่ยวกับดัชนีราคาที่สูงและรายได้ที่อ่อนแอได้ส่งผลต่อการลดลงดังกล่าว

ทางด้านยอดขายบ้านในสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคมยังคงอยู่ในกลุ่มระดับต่ำสุดในรอบทศวรรษ เนื่องจากอัตราการจำนองที่สูงและความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยที่อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ราคาบ้านเฉลี่ยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และอัตราการจำนองแบบคงที่ 30 ปียังคงอยู่ที่ประมาณ 7% ส่งผลให้ทั้งอุปสงค์และอุปทานลดลง โดยจำนวนบ้านสำหรับขายยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาดประมาณ 25% เนื่องจากผู้ขายยังคงใช้ประโยชน์จากการถืออัตราดอกเบี้ยจำนองแบบคงที่ได้มาในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ

อย่างไรก็ดี การประชุมเฟดในเดือนมิถุนายนระบุว่าในปีนี้อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งลดลงจากประมาณการก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้ง ขณะที่นักลงทุนฟิวเจอร์ส FFR มองเห็นโอกาส 61.4% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน และ 72% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยสองครั้งภายในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ ข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้นจะถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นต่อเศรษฐกิจ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่ายอดขายปลีกในเดือนพฤษภาคมจะเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากทรงตัวในเดือนเมษายน นอกจากนี้ นักลงทุนยังจะได้รับฟังผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลายรายในสัปดาห์นี้เพื่อรับทราบข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้น จึงอาจส่งผลให้ AUD แม้จะมีแนวโน้มกลับตัวขึ้นได้อยู่บ้างเล็กน้อยในช่วงนี้ แต่การแข็งค่าในระยะยาวคาดว่าจะยังถูกจำกัดอย่างต่อเนื่อง

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD AUD/USD

แนวต้านสำคัญ : 0.6606, 0.6608, 0.6611

แนวรับสำคัญ : 0.6600, 0.65980.6595               

1H Outlook    

วิเคราะห์ AUD/USD ที่มา: TradingView                                                              

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 0.6595 - 0.6600 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 0.6600 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6606 และ SL ที่ประมาณ 0.6593 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 0.6606 - 0.6611 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6617 และ SL ที่ประมาณ 0.6598 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 0.6606 - 0.6611 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 0.6606 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6598 และ SL ที่ประมาณ 0.6613 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 0.6595 - 0.6600 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6588 และ SL ที่ประมาณ 0.6608 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Jun 17, 2024 10:02AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 0.659 0.6595 0.6598 0.6603 0.6606 0.6611 0.6614
Fibonacci 0.6595 0.6598 0.66 0.6603 0.6606 0.6608 0.6611
Camarilla 0.6599 0.66 0.66 0.6603 0.6602 0.6602 0.6603
Woodie's 0.6588 0.6594 0.6596 0.6602 0.6604 0.661 0.6612
DeMark's - - 0.6597 0.6602 0.6604 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES