RBA คาดคงอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อ นักวิเคราะห์คาดการณ์การปรับลดไตรมาส 4 ปี 2024
จากผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์รอยเตอร์ คาดว่าธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 4.35% ในการประชุมครั้งที่ 5 ติดต่อกัน โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในไตรมาสสุดท้ายของปี ท่ามกลางการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงและอัตราการว่างงานที่ผ่อนคลายลงเหลือ 4% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงแสดงให้เห็นถึงการลดอัตราที่ไม่น่าเป็นไปได้เร็วๆ นี้
โดยมีการคาดการณ์ว่า RBA จะคงอัตราปัจจุบันไว้จนถึงไตรมาสหน้า ตามด้วยการปรับลด 25 จุดเหลือ 4.10% ในไตรมาสที่ 4 ปี 2024 และคาดว่าจะปรับลดเพิ่มเติมอีก 25 จุดในแต่ละไตรมาสในไตรมาสที่ 1 และไตรมาสที่ 2 ของปี 2025 โดยคาดว่าจะคงอัตราชั่วคราวไว้ในไตรมาสที่ 3 และอาจลดอัตราลงเหลือ 3.35% ภายในสิ้นปี 2025
ทั้งนี้ เศรษฐกิจออสเตรเลียเติบโตเพียงเล็กน้อยในไตรมาสเดือนมีนาคม สาเหตุหลักมาจากต้นทุนการกู้ยืมและอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดย GDP เพิ่มขึ้นเพียง 1.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในไตรมาสที่ 1 ปี 2024 ซึ่งต่ำกว่าการคาดการณ์ และชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคอ่อนตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าการใช้จ่ายของรัฐบาลที่ช่วยอุดหนุนครัวเรือนและบรรเทาค่าใช้จ่ายด้านพลังงานจะช่วยให้ GDP เป็นบวกได้ ท่ามกลางการลงทุนทางธุรกิจที่ลดลง โดยพบรายจ่ายฝ่ายทุนทั้งหมดลดลง 0.9%
ในเดือนพฤษภาคม การจ้างงานของออสเตรเลียเกินความคาดหมาย โดยพบการจ้างงานสุทธิเพิ่มขึ้น 39,700 ราย ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากจำนวนงานเต็มเวลาที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางอัตราการว่างงานที่ลดลงเหลือ 4.0% โดยดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นในช่วงสั้นๆ หลังการรายงานข้อมูลดังกล่าว ก่อนจะร่วงลงอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา
ทางด้านภาวะทางธุรกิจในออสเตรเลียลดลงมากขึ้นในเดือนพฤษภาคม โดยจากการสำรวจของธนาคารแห่งชาติออสเตรเลีย แสดงให้เห็นว่าดัชนีภาวะทางธุรกิจลดลง เนื่องจากยอดขายและการเติบโตของกำไรลดลง แม้ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น โดยพบการเติบโตของราคาขายปลีกรายไตรมาสและแรงกดดันด้านต้นทุนเร่งตัวขึ้นอีกครั้ง
ทางด้านดุลการค้าของออสเตรเลียดีขึ้นในเดือนเมษายน โดยแตะระดับ 6.5 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (4.34 พันล้านดอลลาร์) เนื่องจากการนำเข้าที่ลดลงอย่างมาก 7.2% เทียบกับการส่งออกที่ลดลงเพียง 2.5% ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการชะลอตัวของอุปสงค์ทั่วโลก โดยเฉพาะจากจีน โดยแม้ว่าราคาและปริมาณการส่งออกหลักๆ ของแร่เหล็กและถ่านหินจะลดต่ำลง แต่การเกินดุลการค้ายังคงเกินความคาดหมาย จากความต้องการอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ เสื้อผ้า และอุปทานทางอุตสาหกรรมที่ลดลง ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจท้องถิ่นที่อ่อนแอ
ขณะเดียวกัน เงินดอลลาร์ยังคงแข็งค่าในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนรอข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญจากประเทศจีน เพื่อประเมินภาวะเศรษฐกิจของประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
ทางด้านราคานำเข้าของสหรัฐฯ ลดลงในเดือนพฤษภาคมเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน เนื่องจากต้นทุนพลังงานที่ลดลง ส่งผลให้แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในประเทศดีขึ้น ขณะที่รายงานเชิงบวกจากกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วยการอ่านค่าเงินเฟ้อล่าสุดที่ผ่อนคลายลง ยังคงหล่อเลี้ยงความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
ทั้งนี้ แม้จะพบสัญญาณของภาวะเงินเฟ้อที่ผ่อนคลายลง แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคในสหรัฐฯ ได้ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนมิถุนายน ตามรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยความกังวลเกี่ยวกับดัชนีราคาที่สูงและรายได้ที่อ่อนแอได้ส่งผลต่อการลดลงดังกล่าว
ทางด้านยอดขายบ้านในสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคมยังคงอยู่ในกลุ่มระดับต่ำสุดในรอบทศวรรษ เนื่องจากอัตราการจำนองที่สูงและความสามารถในการซื้อที่อยู่อาศัยที่อยู่ในระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ราคาบ้านเฉลี่ยแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และอัตราการจำนองแบบคงที่ 30 ปียังคงอยู่ที่ประมาณ 7% ส่งผลให้ทั้งอุปสงค์และอุปทานลดลง โดยจำนวนบ้านสำหรับขายยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดโรคระบาดประมาณ 25% เนื่องจากผู้ขายยังคงใช้ประโยชน์จากการถืออัตราดอกเบี้ยจำนองแบบคงที่ได้มาในช่วงเวลาที่อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำ
อย่างไรก็ดี การประชุมเฟดในเดือนมิถุนายนระบุว่าในปีนี้อาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งลดลงจากประมาณการก่อนหน้านี้ที่คาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสามครั้ง ขณะที่นักลงทุนฟิวเจอร์ส FFR มองเห็นโอกาส 61.4% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน และ 72% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยสองครั้งภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ ข้อมูลยอดค้าปลีกของสหรัฐฯ ที่กำลังจะมีขึ้นจะถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นต่อเศรษฐกิจ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดว่ายอดขายปลีกในเดือนพฤษภาคมจะเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากทรงตัวในเดือนเมษายน นอกจากนี้ นักลงทุนยังจะได้รับฟังผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หลายรายในสัปดาห์นี้เพื่อรับทราบข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับเศรษฐกิจและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้น จึงอาจส่งผลให้ AUD แม้จะมีแนวโน้มกลับตัวขึ้นได้อยู่บ้างเล็กน้อยในช่วงนี้ แต่การแข็งค่าในระยะยาวคาดว่าจะยังถูกจำกัดอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD AUD/USD
แนวต้านสำคัญ : 0.6606, 0.6608, 0.6611
แนวรับสำคัญ : 0.6600, 0.6598, 0.6595
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 0.6595 - 0.6600 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 0.6600 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6606 และ SL ที่ประมาณ 0.6593 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 0.6606 - 0.6611 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6617 และ SL ที่ประมาณ 0.6598 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 0.6606 - 0.6611 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 0.6606 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6598 และ SL ที่ประมาณ 0.6613 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 0.6595 - 0.6600 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6588 และ SL ที่ประมาณ 0.6608 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Jun 17, 2024 10:02AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 0.659 | 0.6595 | 0.6598 | 0.6603 | 0.6606 | 0.6611 | 0.6614 |
Fibonacci | 0.6595 | 0.6598 | 0.66 | 0.6603 | 0.6606 | 0.6608 | 0.6611 |
Camarilla | 0.6599 | 0.66 | 0.66 | 0.6603 | 0.6602 | 0.6602 | 0.6603 |
Woodie's | 0.6588 | 0.6594 | 0.6596 | 0.6602 | 0.6604 | 0.661 | 0.6612 |
DeMark's | - | - | 0.6597 | 0.6602 | 0.6604 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ