หุ้นเทคโนโลยีพุ่ง ผลักดัน Nasdaq และ S&P 500 ขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ท่ามกลางมุมมองเชิงบวกของ AI
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดสูงขึ้นในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค การบริการผู้บริโภค และเทคโนโลยี โดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq พุ่งขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ท่ามกลางการดีดตัวของหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ที่ได้แรงหนุนจากมุมมองเชิงบวกเกี่ยวกับ AI ก่อนการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญและความคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ
ทั้งนี้ บริษัทเทคโนโลยีหลักๆ เช่น Amazon, Microsoft และ Apple ได้นำการปรับตัวสูงขึ้นของตลาดล่าสุด โดยหุ้นของ Apple เพิ่มขึ้น 2% จากฟีเจอร์ AI ใหม่ๆ ในการกระตุ้นความต้องการ iPhone ส่งผลให้มูลค่าตลาดของ Apple สูงถึง 3.33 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่ Microsoft สูงถึง 3.35 ล้านล้านดอลลาร์ โดยได้รับแรงหนุนจากแผนการนำ AI เข้าร่วมกับแอปพลิเคชันทางธุรกิจต่างๆ และใช้ประโยชน์จากฐานผู้ใช้ระดับองค์กร ส่งผลให้นักวิเคราะห์คาดการณ์ถึงการแข่งขันระหว่าง Microsoft, Apple และ Nvidia ที่อาจเกิดขึ้นเพื่อบรรลุมูลค่าตลาดที่ 4 ล้านล้านดอลลาร์ จากความร้อนแรงของ AI
ทางด้านหุ้นของ Broadcom และกลุ่ม Taiwan Semiconductor เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ดัชนี Philadelphia SE Semiconductor แตะระดับสูงสุดตลอดกาล ท่ามกลางหุ้น Nvidia ที่ร่วงลงเล็กน้อย โดยธุรกิจกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยและเทคโนโลยียังคงนำการพุ่งสูงขึ้นของดัชนี S&P 500 ขณะที่ธุรกิจในกลุ่มสาธารณูปโภคและอสังหาริมทรัพย์ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่าชิปที่เกี่ยวข้องกับ AI ของ Nvidia นั้นมีมูลค่าสูง และอาจก่อให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งใหม่ได้ โดยแม้ว่าอาจพบการหยุดชะงักในระยะสั้น แต่นักวิเคราะห์ยังคงเชื่อว่าการลงทุนระยะยาวใน AI จะช่วยรักษาการฟื้นตัวของตลาดในวงกว้างในปี 2025
อีกด้าน หุ้นของ Autodesk เพิ่มขึ้น 6% หลังจากข่าวเรื่องสัดส่วนการถือหุ้น 500 ล้านดอลลาร์ของ Starboard Value ซึ่งได้ผลักดันให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในบริษัท ขณะเดียวกัน หุ้นของ GameStop ลดลง 12% เนื่องจากมาตรการลดต้นทุนและการขาดทิศทางเชิงกลยุทธ์ ขณะที่ AMC Networks และ Virgin Galactic Holdings พบว่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากการปรับโครงสร้างทางการเงินและการรวมหุ้นตามลำดับ
ทั้งนี้ ดัชนี Nasdaq และ S&P 500 ได้ทำสถิติสูงสุดหลายครั้งในสัปดาห์ก่อน ขณะที่นักวิเคราะห์จาก Bank of America Securities (BofA) คาดการณ์ว่าการใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับ AI จะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญสำหรับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในปี 2024
โดยคาดว่า Alphabet, Meta และ Amazon จะเพิ่มรายจ่ายด้านทุนประจำปีในเซิร์ฟเวอร์และอุปกรณ์ 43% เป็น 91 พันล้านดอลลาร์ โดยคาดว่าการใช้จ่ายโดยรวมเพิ่มขึ้น 35% เป็น 145 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ Meta คาดว่าจะพบการใช้จ่ายสูงสุดเมื่อเทียบกับรายได้ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้าน AI โดยนักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่าการเติบโตของการจ้างพนักงานจะชะลอตัวลงเหลือ 3% ต่อปี ลดลงจาก 26% ระหว่างปี 2016 ถึง 2022 เพื่อรักษาสมดุลของค่าใช้จ่าย
โดยแม้ว่าการใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้น แต่นักวิเคราะห์ยังคงมีทัศนคติเชิงบวกเกี่ยวกับผลกระทบของ AI ที่มีต่อภาคธุรกิจเทคโนโลยี โดยคาดการณ์ถึงอัตรากำไรของกระแสเงินสดอิสระ (FCF) ที่ทรงตัวสำหรับ Alphabet, Meta และ Amazon ในปี 2024 และคาดว่าจะขยายตัวมากขึ้นในปี 2025
ทางด้าน Goldman Sachs เพิ่มเป้าหมายสิ้นปีสำหรับดัชนี S&P 500 มาอยู่ที่ 5,600 เพิ่มขึ้นจาก 5,200 โดยอ้างถึงการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งจากหุ้นเทคโนโลยีรายใหญ่และความกระตือรือร้นของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นสำหรับ AI ขณะที่บริษัทเทคโนโลยีหลักห้าแห่ง ได้แก่ Microsoft, Nvidia, Alphabet, Amazon และ Meta ได้มีส่วน 60% ในการผลักดันการเพิ่มขึ้น 15% ของ S&P 500 ในปีนี้ ซึ่งได้เพิ่มขึ้นรวมกันถึง 45% และคิดเป็น 25% ของมูลค่าตลาดของดัชนี
โดยบริษัทดังกล่าวพบการเติบโตของกำไรต่อหุ้น (EPS) 84% ในไตรมาสที่ 1 เทียบกับ 5% สำหรับหุ้นอื่นๆ ใน S&P 500 โดยเฉลี่ย ซึ่งส่งผลให้การคาดการณ์กำไรต่อหุ้น (EPS) ของบริษัททั้งห้าเพิ่มขึ้น 38% ในปี 2024 โดยธนาคารคาดการณ์ว่าอัตราส่วน P/E ของ S&P 500 จะอยู่ที่ 20.4 เท่าภายในสิ้นปี ซึ่งต่ำกว่าปัจจุบันที่ 21.1 เท่าเล็กน้อย โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของกำไรที่แข็งแกร่งและอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงที่คงที่
ทั้งนี้ ในรายงานถึงนักลงทุนเมื่อวันจันทร์ นักวิเคราะห์จาก BofA ระบุว่า "สถานการณ์ในกรณีที่ดีที่สุด" สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้เริ่มขึ้นแล้ว จากการเติบโตของราคาผู้บริโภคที่อ่อนตัวกว่าที่คาด และรายงานล่าสุดที่แสดงให้เห็นถึงความต้องการแรงงานที่แข็งแกร่ง รวมถึงอธิบายว่าเศรษฐกิจกำลังเผชิญกับสถานการณ์ที่มีกิจกรรมที่มีเสถียรภาพพร้อมกับอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง ส่งผลให้จุดสนใจของตลาดได้เปลี่ยนจากอัตราดอกเบี้ยไปสู่การเติบโตทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางรายงานยอดค้าปลีกที่แข็งแกร่งที่อาจช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในวงกว้างได้ โดยนักวิเคราะห์เน้นย้ำว่าข่าวเชิงบวกจะยังคงเป็นประโยชน์ต่อตลาด ตราบใดที่อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ภายใต้การควบคุม
อีกด้านเมื่อวันอังคาร ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงอีกเมื่อเทียบกับเงินยูโรและสเตอร์ลิง แม้ว่าผลตอบแทนของกระทรวงการคลังจะเพิ่มขึ้นในชั่วข้ามคืน โดยนักลงทุนตั้งตารอข้อมูลยอดค้าปลีกที่สำคัญและความคิดเห็นของธนาคารกลางสหรัฐฯ สำหรับข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางการรายงานข้อมูลทางเศรษฐกิจประจำสัปดาห์นี้ ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลยอดค้าปลีกเดือนพฤษภาคมในวันอังคาร ตามด้วยรายงานการผลิตภาคอุตสาหกรรม โครงการก่อสร้างที่อยู่อาศัย และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อจาก S&P
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US 500 [S&P 500]
แนวต้านสำคัญ : 5474.4, 5475.7, 5477.7
แนวรับสำคัญ : 5470.4, 5469.1, 5467.1
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5465.4 - 5470.4 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 5470.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5474.5 และ SL ที่ประมาณ 5463.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 5474.4 - 5479.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5485.0 และ SL ที่ประมาณ 5468.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5474.4 - 5479.4 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 5474.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5469.2 และ SL ที่ประมาณ 5482.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5465.4 - 5470.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5460.0 และ SL ที่ประมาณ 5477.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Jun 18, 2024 09:30AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 5463.9 | 5467.1 | 5469.2 | 5472.4 | 5474.5 | 5477.7 | 5479.8 |
Fibonacci | 5467.1 | 5469.1 | 5470.4 | 5472.4 | 5474.4 | 5475.7 | 5477.7 |
Camarilla | 5469.7 | 5470.2 | 5470.7 | 5472.4 | 5471.7 | 5472.2 | 5472.7 |
Woodie's | 5463.3 | 5466.8 | 5468.6 | 5472.1 | 5473.9 | 5477.4 | 5479.2 |
DeMark's | - | - | 5468.1 | 5471.9 | 5473.4 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ