ยูโรเผชิญแรงกดดันอย่างต่อเนื่องท่ามกลางข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอและการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB
เงินยูโรยังคงทรงตัวหลังจากการสำรวจเบื้องต้นในเดือนมิถุนายน บ่งชี้ถึงภาคบริการของฝรั่งเศสที่หดตัวและการชะลอตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของเยอรมนี โดยการเติบโตของธุรกิจในยูโรโซนชะลอตัวลงอย่างมากเนื่องจากอุปสงค์ที่ลดลง และนับเป็นการลดลงครั้งแรกตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ท่ามกลางอุตสาหกรรมบริการที่อ่อนแอและภาคการผลิตที่ย่ำแย่มากยิ่งขึ้น
ทางด้านความเชื่อมั่นผู้บริโภคยูโรโซนเพิ่มขึ้น 0.3 จุดในเดือนมิถุนายน เมื่อเทียบกับเดือนพฤษภาคม คลาส น็อต ผู้กำหนดนโยบายของ ECB ยืนยันการคาดการณ์ของตลาดเกี่ยวกับการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมหนึ่งหรือสองครั้งในปีนี้ เนื่องจากแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ค่อยๆ เคลื่อนสู่เป้าหมาย 2% ของ ECB โดยแม้ว่า ECB จะเริ่มพลิกกลับการขึ้นอัตราดอกเบี้ยแบบเชิงรุก แต่ยังคงมีความยืดหยุ่นในการดำเนินนโยบายในอนาคต โดยพิจารณาจากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและค่าจ้างที่แข็งแกร่งเกินคาดล่าสุด ขณะที่น็อตเน้นย้ำว่าอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะถึงเป้าหมายของ ECB ในปีหน้า ท่ามกลางความท้าทายที่อาจเกิดขึ้น และตั้งข้อสังเกตว่าอัตราเงินเฟ้อภาคบริการยังคงอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรปได้แนะนำให้ลงโทษทางวินัยในฝรั่งเศสและประเทศอื่นๆ อีก 6 ประเทศสำหรับการขาดดุลงบประมาณที่เกินข้อจำกัดของสหภาพยุโรป ซึ่งคาดว่าจะทำให้แผนการใช้จ่ายเพิ่มเติมมีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น และอาจส่งผลกระทบต่อคำมั่นสัญญาของพรรค National Rally (RN) ที่จะเพิ่มรายจ่ายสาธารณะและปรับลดอายุบำนาญ
จากการสำรวจผู้นำธุรกิจกว่า 500 รายของ EY เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่ยุโรปต้องปรับปรุงเสถียรภาพทางการเมือง ลดระบบราชการ และจัดการความผันผวนของราคาพลังงานเพื่อดึงดูดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI) มากขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงที่สูงเป็นอันดับสองสำหรับยุโรปคือความไม่มั่นคงทางการเมือง โดยพบภาระด้านกฎระเบียบเป็นข้อกังวลสูงสุด ขณะเดียวกัน การต่อสู้ทางเศรษฐกิจจากราคาที่สูง และผลกระทบจากสงครามของรัสเซียในยูเครนได้กระตุ้นให้เกิดประชานิยม และเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มขวาจัดในการเลือกตั้ง กระตุ้นให้ประธานาธิบดีมาครงของฝรั่งเศส เรียกร้องให้มีการเลือกตั้งระดับชาติอย่างรวดเร็ว โดยจากผลสำรวจพบว่า RN ยังคงขึ้นนำก่อนการลงคะแนนเสียงของฝรั่งเศส 2 รอบซึ่งจะสิ้นสุดในวันที่ 7 กรกฎาคม
อีกด้าน โรเบิร์ต ฮาเบค รัฐมนตรีกระทรวงเศรษฐกิจของเยอรมนีเน้นย้ำในระหว่างที่เยือนจีน ว่าข้อเสนอภาษีศุลกากรของสหภาพยุโรปสำหรับสินค้าจีนไม่ได้ถือเป็น "การลงโทษ" โดยการเดินทางครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกของเจ้าหน้าที่อาวุโสของยุโรป หลังจากที่สหภาพยุโรปเสนอการเรียกเก็บภาษีศุลกากรในรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ที่ผลิตในจีน เพื่อจัดการกับการนโยบายการอุดหนุนที่มากเกินไป ซึ่งจีนเตือนว่าปัญหานี้อาจนำไปสู่สงครามการค้าได้
อย่างไรก็ดี แม้ว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะดำเนินการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปีนี้ แต่กิจกรรมทางธุรกิจในเยอรมนียังคงชะลอตัว โดยความท้าทายในภาคการผลิตได้ส่งผลกระทบต่อภาคบริการที่ยังคงแข็งแกร่ง
ทางด้านรายรับภาษีของเยอรมนีเพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนพฤษภาคมจากค่าจ้างและภาษีหัก ณ ที่จ่าย แม้ว่ารายได้จากการขายและภาษีนิติบุคคลจะลดลง ขณะที่ใบอนุญาตการก่อสร้างในเยอรมนีลดลง 17% ในเดือนเมษายน บ่งชี้ถึงการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ และราคาขายส่งของเยอรมนีลดลง 0.7% ในเดือนพฤษภาคม ท่ามกลางอัตราผลตอบแทนพันธบัตรเยอรมันที่ลดลง ในขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรฝรั่งเศสยังคงทรงตัว ส่งผลให้ผลตอบแทนชดเชยความเสี่ยง (Risk premium) กว้างขึ้น
ขณะเดียวกัน ธนาคารแห่งชาติสวิส (SNB) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่สองติดต่อกัน โดยลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 จุดเหลือ 1.25% ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากการผ่อนคลายแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ โดยฟรังก์สวิสอ่อนค่าลง และหุ้นได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังประกาศดังกล่าว ซึ่งแม้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในช่วงที่ผ่านมาและอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 1.4% ในเดือนเมษายน แต่ประธาน SNB ก็ตั้งข้อสังเกตว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อพื้นฐานได้ผ่อนคลายลงแล้ว
ทั้งนี้ นักลงทุนคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ ECB อีกครั้งในปีนี้ โดยพบโอกาส 64% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สองภายในสิ้นปี ลดลงจาก 80% ก่อนการประชุมในเดือนมิถุนายน ท่ามกลางข้อมูลเงินเฟ้อที่มีกำหนดเผยแพร่จากฝรั่งเศส อิตาลี และสเปนที่จะมีอิทธิพลต่อการคาดการณ์สำหรับการดำเนินนโยบายของ ECB ต่อไป
เมื่อวันศุกร์ ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก โดยได้รับการสนับสนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่ง และทิศทางการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อเทียบกับธนาคารกลางอื่นๆ ที่ใช้นโยบายแบบผ่อนคลายมากขึ้น ขณะที่กิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐฯ พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 26 เดือนในเดือนมิถุนายน ท่ามกลางการจ้างงานที่ดีขึ้น และแรงกดดันด้านราคาที่ลดลงอย่างมาก บ่งชี้ถึงอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ยอดขายบ้านในสหรัฐฯ ลดลงเป็นเดือนที่สามติดต่อกันในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากราคาที่สูงเป็นประวัติการณ์และอัตราการจำนองที่เพิ่มขึ้นได้ขัดขวางผู้ซื้อที่มีศักยภาพ ในแง่ดี จำนวนที่อยู่อาศัยคงเหลือได้พุ่งถึงระดับสูงสุดในรอบเกือบสองปี ซึ่งหากทรงตัวอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลให้ราคามีเสถียรภาพและปรับปรุงความสามารถในการใช้จ่ายได้ อย่างไรก็ตาม ตลาดที่อยู่อาศัยยังคงมีสัญญาณอ่อนแอ จากการลดลงของโครงการสร้างที่อยู่อาศัยและใบอนุญาตก่อสร้างอาคารที่บ่งชี้ว่าอัตราการจำนองที่เพิ่มขึ้นยังคงบั่นทอนโมเมนตัมการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ นักลงทุนจะติดตามมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ดัชนีราคารายจ่ายการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) อย่างใกล้ชิด เพื่อสังเกตทิศทางของอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัว โดยการอ่านค่า PCE ก่อนหน้านี้ไม่สอดคล้องกับการคาดการณ์ ซึ่งหากเกิดผลลัพธ์ที่คล้ายกันอาจท้าทายความคาดหวังของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่ใกล้จะเกิดขึ้น โดยปฏิทินเศรษฐกิจประจำสัปดาห์ยังประกอบด้วยข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมิถุนายน ข้อมูลยอดขายบ้านใหม่และมือสองเดือนพฤษภาคม ประมาณการการเติบโตทางเศรษฐกิจไตรมาสแรกครั้งที่สาม และข้อมูลเกี่ยวกับคำสั่งซื้อสินค้าคงทนประจำเดือนพฤษภาคม จึงคาดว่าจะส่งผลให้เงินยูโรมีแนวโน้มถูกกดดันอยู่อย่างต่อเนื่องได้ในระยะนี้
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD EUR/USD
แนวต้านสำคัญ : 1.0692, 1.0694, 1.0696
แนวรับสำคัญ : 1.0688, 1.0686, 1.0684
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0683 - 1.0688 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.0688 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0692 และ SL ที่ประมาณ 1.0681 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0692 - 1.0697 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0707 และ SL ที่ประมาณ 1.0686 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0692 - 1.0697 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.0692 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0686 และ SL ที่ประมาณ 1.0699 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.0683 - 1.0688 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0671 และ SL ที่ประมาณ 1.0694 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Jun 24, 2024 10:16AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.068 | 1.0684 | 1.0686 | 1.069 | 1.0692 | 1.0696 | 1.0698 |
Fibonacci | 1.0684 | 1.0686 | 1.0688 | 1.069 | 1.0692 | 1.0694 | 1.0696 |
Camarilla | 1.0687 | 1.0688 | 1.0688 | 1.069 | 1.069 | 1.069 | 1.0691 |
Woodie's | 1.068 | 1.0684 | 1.0686 | 1.069 | 1.0692 | 1.0696 | 1.0698 |
DeMark's | - | - | 1.0686 | 1.069 | 1.0692 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ