บทวิเคราะห์ GBP/USD วันที่ 1 กรกฎาคม 2567

Create at 4 months ago (Jul 01, 2024 11:11)

ความคาดหวังการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ BoE หนุนตลาดหุ้นและพันธบัตรก่อนการเลือกตั้งในสหราชอาณาจักร

ธนาคารกลางอังกฤษคาดว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ ในเดือนสิงหาคม หากข้อมูลอัตราเงินเฟ้อและค่าจ้างตรงกับการคาดการณ์ของคณะกรรมการนโยบายการเงินในเดือนพฤษภาคม ส่งผลให้นักลงทุนคาดหวังมากขึ้นถึงการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคม ซึ่งได้ช่วยสนับสนุนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นในสหราชอาณาจักรและพันธบัตรรัฐบาลก่อนการเลือกตั้ง แม้ว่าล่าสุด ธนาคารกลางจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี

ทั้งนี้ หลังจากการตัดสินใจของธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ ตลาดเงินเพิ่มความน่าจะเป็นของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคมเป็น 44% และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเป็น 90% โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลที่แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรได้แตะกรอบเป้าหมาย 2% ของ BoE

อย่างไรก็ดี นักลงทุนเชื่อว่าการลดอัตราดอกเบี้ยจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักร และคาดการณ์ว่าพรรคแรงงานจะได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง และได้หนุนค่าเงินสเตอร์ลิงให้อยู่ในระดับก่อน Brexit โดยมุมมองเชิงบวกนี้ได้ส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดในสหราชอาณาจักร ซึ่งต้องเผชิญกับความท้าทายนับตั้งแต่การลงมติ Brexit ในปี 2016 ท่ามกลางข้อมูลที่ได้รับการปรับปรุงที่พบว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยเร็วกว่าที่คิดไว้ในช่วงต้นปี 2024 แม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในวงกว้างยังคงเปราะบาง

สำหรับการขยายตัวทางธุรกิจในสหราชอาณาจักรได้ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยครั้งล่าสุด โดยหลายบริษัทชะลอการตัดสินใจสำคัญออกไปจนกระทั่งหลังการเลือกตั้ง ขณะที่เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรขยายตัว 0.7% ในไตรมาสแรกของปี 2024 ซึ่งสูงกว่าประมาณการเบื้องต้นเล็กน้อย ท่ามกลางการเติบโตโดยรวมที่ยังคงอ่อนแอ ซึ่งส่งผลต่อความท้าทายในการเลือกตั้งของพรรคอนุรักษ์นิยม ขณะที่รายได้สุทธิที่แท้จริงของครัวเรือนลดลงนับตั้งแต่การเลือกตั้งระดับชาติครั้งล่าสุด สะท้อนถึงความยากลำบากทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการแพร่ระบาด อัตราเงินเฟ้อ และปัญหาการค้าหลัง Brexit โดยผลการดำเนินงานของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรนับตั้งแต่การเลือกตั้งครั้งล่าสุดได้อยู่ในกลุ่มประเทศ G7 ที่อ่อนแอที่สุด

ทางด้านข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นถึงการลดลงของยอดค้าปลีกในอังกฤษและการชะลอตัวของการเติบโตของยอดขายในซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งได้รับอิทธิพลจากสภาพอากาศที่เปียกชื้นและอัตราเงินเฟ้อด้านอาหารที่ลดลง แม้ว่าค่าจ้างงานเริ่มต้นจะเพิ่มขึ้น แต่จำนวนงานโดยรวมกลับลดลง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อมีมุมมองที่หลากหลาย

ทั้งนี้ แนวทางระมัดระวังของ BoE ในการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นเกิดจากความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเติบโตของค่าจ้าง โดยอัตราเงินเฟ้อในอดีตที่สูงได้ส่งสัญญาณถึงค่าจ้างที่เพิ่มขึ้นที่ยังไม่ทำให้ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจดีขึ้น ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์บางรายยังคงความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อในระยะยาว หลังจากอัตราการมีส่วนร่วมในตลาดงานลดลงนับตั้งแต่การเกิดโรคระบาด ท่ามกลางการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ ที่แสดงให้เห็นถึงคำสั่งซื้อในภาคการผลิตที่มีการปรับปรุงดีขึ้นเล็กน้อย แม้ว่าคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกจะลดลงอย่างรวดเร็ว

ทางด้านความเชื่อมั่นผู้บริโภคในอังกฤษ ตามการสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคของ GfK แตะระดับสูงสุดในรอบ 2 ปีครึ่งในเดือนมิถุนายน เนื่องจากการมองในแง่ดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจในวงกว้างที่มากกว่าความกังวลเรื่องการเงินส่วนบุคคล

สำหรับหนี้สาธารณะของอังกฤษเพิ่มขึ้นสู่อัตราสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1961 โดยแตะระดับ 2.742 ล้านล้านปอนด์หรือ 99.8% ของ GDP ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งหนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้นในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 และจากผลกระทบจากการเติบโตที่ช้าและอัตราดอกเบี้ยที่สูง โดยแม้ว่าการกู้ยืมล่าสุดจะต่ำกว่าคาดเล็กน้อย แต่สถานการณ์ทางการเงินโดยรวมยังคงตึงเครียด

ขณะเดียวกัน งินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อวันศุกร์ตามข้อมูลที่บ่งชี้ว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ลดลงเมื่อเดือนที่แล้ว ตอกย้ำความคาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจเริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

ทั้งนี้ ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อสำคัญของเฟด ไม่เปลี่ยนแปลงเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่เมื่อเทียบเป็นรายปี ดัชนีราคา PCE เพิ่มขึ้น 2.6% ในเดือนพฤษภาคม ลดลงจาก 2.7% ในเดือนเมษายน กระตุ้นให้มีความเป็นไปได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนเป็น 67% โดยตลาดคาดว่าจะมีการปรับลด 25 จุด 1-2 ครั้งในปีนี้

ทั้งนี้ รายงานเพิ่มเติมแสดงให้เห็นกิจกรรมทางธุรกิจที่ดีเกินคาดในมิดเวสต์ โดย PMI ของชิคาโกเพิ่มขึ้นเป็น 47.4 จาก 35 ในเดือนพฤษภาคม และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนดีขึ้น โดยผู้ตอบแบบสอบถามคาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะทรงตัวที่ 3% ในระยะสั้นและระยะยาว

โดยขณะนี้นักลงทุนกำลังมุ่งเน้นไปที่รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ โดยนักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 195,000 ตำแหน่งในเดือนมิถุนายน เทียบกับ 272,000 ตำแหน่งในเดือนพฤษภาคม ข้อมูลล่าสุดบ่งชี้ว่าสภาวะตลาดแรงงานที่ผ่อนคลายลง โดยการขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง และจำนวนผู้ว่างงานพุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบ 2.5 ปี

ทางด้านการใช้จ่ายทางธุรกิจด้านอุปกรณ์และการส่งออกลดลงเช่นกัน ส่งผลให้ขาดดุลการค้าสูงขึ้น ขณะที่คำสั่งซื้อใหม่สำหรับสินค้าทุนที่ผลิตในสหรัฐฯ ลดลงอย่างไม่คาดคิดในเดือนพฤษภาคม ส่งสัญญาณการใช้จ่ายทางธุรกิจด้านอุปกรณ์ที่อ่อนแอลงในไตรมาสที่สองเนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมที่สูง ท่ามกลางยอดค้าปลีกในเดือนพฤษภาคมที่อ่อนแอ และแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่ลดลงอย่างมาก ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ยังไม่มีการคาดการณ์ถึงภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่อาจจะเกิดขึ้น

ทั้งนี้ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดลงหลังจากพุ่งสูงขึ้นในไตรมาสแรก แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% ของเฟด ท่ามกลางข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ในเดือนพฤษภาคมที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยต้นทุนบริการที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยสมดุลกับราคาสินค้าที่ลดลงมากที่สุดในรอบ 6 เดือน ส่งผลให้เฟดเข้าใกล้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้ โดยการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้นเล็กน้อย และราคาพื้นฐานเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าที่สุดในรอบ 6 เดือน บ่งบอกถึงความเป็นไปได้ที่เศรษฐกิจจะ "ลงจอดอย่างนุ่มนวล" ซึ่งหมายถึงอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงที่ไม่ทำให้เกิดภาวะถดถอยหรือการว่างงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ทางด้านการเมืองของสหรัฐฯ ยังคงมีอิทธิพลต่อตลาด โดยโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันได้กล่าวโจมตีประธานาธิบดีโจ ไบเดน ระหว่างการดีเบตหาเสียง ส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเล็กน้อย โดยโอกาสของทรัมป์ในการเป็นประธานาธิบดีและแนวโน้มในการจัดเก็บภาษีศุลกากรเชิงรุกซึ่งอาจเพิ่มอัตราเงินเฟ้อและกระตุ้นให้เกิดอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อตลาดเช่นกัน ขณะที่ความคิดเห็นของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ เจอโรม พาวเวลล์ และรายงานการประชุมจากการประชุมเฟดครั้งล่าสุด จะถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด

โดยประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์จะเข้าร่วมการประชุมประจำปีของธนาคารกลางยุโรปในเมืองซินตรา ประเทศโปรตุเกส ในวันอังคารนี้ โดยเข้าร่วมการอภิปรายในหัวข้อ "นโยบายการเงินในยุคแห่งการเปลี่ยนแปลง" กับประธาน ECB คริสติน ลาการ์ด ขณะที่รายงานการประชุมของเฟดในเดือนมิถุนายนที่จะเผยแพร่ในวันพุธ จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจของธนาคารกลางและการพิจารณานโยบายการเงิน จึงอาจส่งผลให้คู่สกุล GBP/USD อาจเผชิญความผันผวนที่มากขึ้นได้ในช่วงนี้ ทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งของสหรัฐฯ และสหราชอาณาจักร

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD GBP/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.2659, 1.2663, 1.2671      

แนวรับสำคัญ : 1.2643, 1.2639, 1.2631                 

1D Outlook

วิเคราะห์ GBP/USD ที่มา: TradingView                                          

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.2613 - 1.2643 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.2643 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2660 และ SL ที่ประมาณ 1.2598 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2659 - 1.2689 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2708 และ SL ที่ประมาณ 1.2628 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2659 - 1.2689 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้าน 1.2659 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2640 และ SL ที่ประมาณ 1.2704 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.2613 - 1.2643 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2592 และ SL ที่ประมาณ 1.2674 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Jul 1, 2024 10:58AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.262 1.2631 1.264 1.2651 1.266 1.2671 1.268
Fibonacci 1.2631 1.2639 1.2643 1.2651 1.2659 1.2663 1.2671
Camarilla 1.2643 1.2645 1.2647 1.2651 1.2651 1.2653 1.2654
Woodie's 1.2618 1.263 1.2638 1.265 1.2658 1.267 1.2678
DeMark's - - 1.2646 1.2654 1.2666 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES