บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 2 กรกฎาคม 2567

Create at 4 months ago (Jul 02, 2024 12:06)

S&P 500 บวกจากหุ้นเทคโนโลยี คาดการณ์ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญท่ามกลางมุมมองเชิงบวกของตลาด

S&P 500 ปิดสูงขึ้นในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยี ในขณะที่ตลาดเริ่มต้นครึ่งปีหลังไปในทิศทางบวก แม้จะมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบางก่อนวันหยุดวันที่ 4 กรกฎาคม ท่ามกลางการคาดการณ์ข้อมูลค่าจ้างและรายงานการประชุมของเฟดในเดือนมิถุนายน ขณะที่ฤดูกาลผลประกอบการของไตรมาสแรกปี 2024 สิ้นสุดลง ตลาดมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงดัชนีการผลิต ISM เมื่อวันจันทร์ รายงานตำแหน่งงานว่างของ JOLTS ในวันอังคาร และรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ในวันศุกร์ นอกจากนี้ รายงานการประชุม FOMC เดือนมิถุนายนจะเผยแพร่ในวันพุธ

ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา การขาดทุนของ Nvidia ส่งผลกระทบต่อทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq Composite ซึ่งลดลง 0.3% และ 0.8% ตามลำดับ ในขณะที่ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรม Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งนับเป็นวันที่ดีที่สุดในเดือนที่แล้ว

ทั้งนี้ มุมมองเชิงบวกของนักลงทุนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะช่วยหนุนตลาดหุ้น นำโดยหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ Tesla เพิ่มขึ้น 6% ก่อนรายงานการส่งมอบในไตรมาสที่สอง และ Nvidia เพิ่มขึ้น 1% หลังจากที่ Morgan Stanley ปรับราคาเป้าหมาย โดยการส่งมอบในไตรมาสที่ 2 ของ Tesla คาดว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อย และคาดว่าจะเข้าใกล้ระดับประมาณการที่ 435,000 คัน ขณะที่ Paramount Global เพิ่มขึ้น 3% หลังจากพบรายงานความเป็นไปได้ในการเสนอราคาจากมหาเศรษฐี แบร์รี่ ดิลเลอร์

สำหรับ Microsoft ได้ทวงตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกกลับคืนมาได้ หลังจากที่หุ้นของ Nvidia ลดลงกว่า 3% โดยมูลค่าตลาดของ Nvidia ลดลงเหลือ 3.21 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่ Microsoft ลดลงเหลือ 3.31 ล้านล้านดอลลาร์ ท่ามกลางการแข่งขันเพื่อแย่งชิงมูลค่าตลาดสูงสุดจากทั้ง Nvidia, Microsoft และ Apple โดย Nvidia คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีงบประมาณนี้ เนื่องจากยังคงมีบทบาทสำคัญในเทคโนโลยี AI ขณะที่หุ้นของโบอิ้งเพิ่มขึ้นเกือบ 3% หลังจากตกลงซื้อ Spirit Aerosystems ในราคา 4.7 พันล้านดอลลาร์ เพื่อแก้ไขประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสัญญาของ Spirit กับ Airbus

ทางด้านนักวิเคราะห์ของ Bank of America คาดการณ์ว่าดัชนี S&P 500 จะแข็งแกร่งมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 หลังจากพุ่งสูงขึ้น 14.48% ในครึ่งปีแรก โดยจากสถิติที่ผ่านมา หากดัชนี S&P 500 ทำผลงานได้ดีในครึ่งแรก ก็มีแนวโน้มที่จะยังคงแนวโน้มนี้ต่อไปในครึ่งปีหลัง โดยพบผลตอบแทนที่เป็นบวกใน 74% ของกลุ่มธุรกิจในดัชนีตั้งแต่ปี 1928 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ครึ่งปีแรกที่เป็นบวกได้นำไปสู่โอกาสในการเพิ่มขึ้น 88% ในครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ดัชนี S&P 500 สามารถรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้นั้น ราคาจำเป็นต้องอยู่เหนือ MA 200 เช่นเดียงกับในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 มิเช่นนั้นอาจส่งผลให้ดัชนีร่วงลงแรงได้

อย่างไรก็ตาม Deutsche Bank เตือนถึงความผันผวนในระยะสั้นที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และการเมืองในประเทศ รวมถึงการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นและการหยุดชะงักของตลาดที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์ของ Citi คาดว่าอาจพบผลประกอบการเชิงบวกที่น่าประหลาดใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในไตรมาสที่ 2 ปี 2024 โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยี ในขณะที่หุ้นกลุ่มธุรกิจมูลค่า เช่นพลังงานและสาธารณูปโภคอาจเผชิญกับความประหลาดใจเชิงลบมากขึ้น

ทั้งนี้ ผลประกอบการรายไตรมาสที่กำลังจะมีขึ้นจาก CarMax และข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อด้านการผลิตและบริการในเดือนมิถุนายน จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มเติม รวมถึงกำหนดรายงานข้อมูลยอดขายบ้านมือสองในเดือนพฤษภาคม

ขณะเดียวกัน เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดว่าจะหารือเกี่ยวกับเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อในงานประชุมธนาคารกลางยุโรป ขณะที่รายงานการประชุมของเฟดจะให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ท่ามกลางข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะได้รับการจับตาดูอย่างใกล้ชิดถึงผลกระทบต่อการประเมินตลาดแรงงานและการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD US 500 [S&P 500]

แนวต้านสำคัญ : 5478.4, 5486.4, 5499.5

แนวรับสำคัญ : 5452.2, 5444.2, 5431.1                     

1D Outlook

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯที่มา: TradingView                        

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5422.2 - 5452.2 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 5452.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5484.4 และ SL ที่ประมาณ 5407.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 5478.4 - 5508.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5523.0 และ SL ที่ประมาณ 5437.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5478.4 - 5508.4 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 5478.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5450.2 และ SL ที่ประมาณ 5524.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5422.2 - 5452.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5395.0 และ SL ที่ประมาณ 5494.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Jul 2, 2024 11:03AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 5416 5431.1 5450.2 5465.3 5484.4 5499.5 5518.6
Fibonacci 5431.1 5444.2 5452.2 5465.3 5478.4 5486.4 5499.5
Camarilla 5459.8 5462.9 5466.1 5465.3 5472.3 5475.5 5478.6
Woodie's 5418 5432.1 5452.2 5466.3 5486.4 5500.5 5520.6
DeMark's - - 5457.7 5469.1 5491.9 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES