S&P 500 บวกจากหุ้นเทคโนโลยี คาดการณ์ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญท่ามกลางมุมมองเชิงบวกของตลาด
S&P 500 ปิดสูงขึ้นในวันจันทร์ โดยได้แรงหนุนจากหุ้นเทคโนโลยี ในขณะที่ตลาดเริ่มต้นครึ่งปีหลังไปในทิศทางบวก แม้จะมีปริมาณการซื้อขายที่เบาบางก่อนวันหยุดวันที่ 4 กรกฎาคม ท่ามกลางการคาดการณ์ข้อมูลค่าจ้างและรายงานการประชุมของเฟดในเดือนมิถุนายน ขณะที่ฤดูกาลผลประกอบการของไตรมาสแรกปี 2024 สิ้นสุดลง ตลาดมุ่งเน้นไปที่ข้อมูลเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงดัชนีการผลิต ISM เมื่อวันจันทร์ รายงานตำแหน่งงานว่างของ JOLTS ในวันอังคาร และรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตร (NFP) ในวันศุกร์ นอกจากนี้ รายงานการประชุม FOMC เดือนมิถุนายนจะเผยแพร่ในวันพุธ
ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา การขาดทุนของ Nvidia ส่งผลกระทบต่อทั้งดัชนี S&P 500 และ Nasdaq Composite ซึ่งลดลง 0.3% และ 0.8% ตามลำดับ ในขณะที่ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรม Dow Jones เพิ่มขึ้น 0.8% ซึ่งนับเป็นวันที่ดีที่สุดในเดือนที่แล้ว
ทั้งนี้ มุมมองเชิงบวกของนักลงทุนเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะช่วยหนุนตลาดหุ้น นำโดยหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ Tesla เพิ่มขึ้น 6% ก่อนรายงานการส่งมอบในไตรมาสที่สอง และ Nvidia เพิ่มขึ้น 1% หลังจากที่ Morgan Stanley ปรับราคาเป้าหมาย โดยการส่งมอบในไตรมาสที่ 2 ของ Tesla คาดว่าจะฟื้นตัวเล็กน้อย และคาดว่าจะเข้าใกล้ระดับประมาณการที่ 435,000 คัน ขณะที่ Paramount Global เพิ่มขึ้น 3% หลังจากพบรายงานความเป็นไปได้ในการเสนอราคาจากมหาเศรษฐี แบร์รี่ ดิลเลอร์
สำหรับ Microsoft ได้ทวงตำแหน่งบริษัทที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลกกลับคืนมาได้ หลังจากที่หุ้นของ Nvidia ลดลงกว่า 3% โดยมูลค่าตลาดของ Nvidia ลดลงเหลือ 3.21 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่ Microsoft ลดลงเหลือ 3.31 ล้านล้านดอลลาร์ ท่ามกลางการแข่งขันเพื่อแย่งชิงมูลค่าตลาดสูงสุดจากทั้ง Nvidia, Microsoft และ Apple โดย Nvidia คาดว่าจะมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในปีงบประมาณนี้ เนื่องจากยังคงมีบทบาทสำคัญในเทคโนโลยี AI ขณะที่หุ้นของโบอิ้งเพิ่มขึ้นเกือบ 3% หลังจากตกลงซื้อ Spirit Aerosystems ในราคา 4.7 พันล้านดอลลาร์ เพื่อแก้ไขประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสัญญาของ Spirit กับ Airbus
ทางด้านนักวิเคราะห์ของ Bank of America คาดการณ์ว่าดัชนี S&P 500 จะแข็งแกร่งมากขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 หลังจากพุ่งสูงขึ้น 14.48% ในครึ่งปีแรก โดยจากสถิติที่ผ่านมา หากดัชนี S&P 500 ทำผลงานได้ดีในครึ่งแรก ก็มีแนวโน้มที่จะยังคงแนวโน้มนี้ต่อไปในครึ่งปีหลัง โดยพบผลตอบแทนที่เป็นบวกใน 74% ของกลุ่มธุรกิจในดัชนีตั้งแต่ปี 1928 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในปีที่มีการเลือกตั้งประธานาธิบดี ครึ่งปีแรกที่เป็นบวกได้นำไปสู่โอกาสในการเพิ่มขึ้น 88% ในครึ่งปีหลัง อย่างไรก็ตาม เพื่อให้ดัชนี S&P 500 สามารถรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้นั้น ราคาจำเป็นต้องอยู่เหนือ MA 200 เช่นเดียงกับในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 มิเช่นนั้นอาจส่งผลให้ดัชนีร่วงลงแรงได้
อย่างไรก็ตาม Deutsche Bank เตือนถึงความผันผวนในระยะสั้นที่อาจเกิดขึ้นจากเหตุการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์และการเมืองในประเทศ รวมถึงการเลือกตั้งที่กำลังจะเกิดขึ้นและการหยุดชะงักของตลาดที่อาจเกิดขึ้น ขณะที่นักวิเคราะห์ของ Citi คาดว่าอาจพบผลประกอบการเชิงบวกที่น่าประหลาดใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในไตรมาสที่ 2 ปี 2024 โดยเฉพาะในภาคเทคโนโลยี ในขณะที่หุ้นกลุ่มธุรกิจมูลค่า เช่นพลังงานและสาธารณูปโภคอาจเผชิญกับความประหลาดใจเชิงลบมากขึ้น
ทั้งนี้ ผลประกอบการรายไตรมาสที่กำลังจะมีขึ้นจาก CarMax และข้อมูลดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อด้านการผลิตและบริการในเดือนมิถุนายน จะให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐฯ เพิ่มเติม รวมถึงกำหนดรายงานข้อมูลยอดขายบ้านมือสองในเดือนพฤษภาคม
ขณะเดียวกัน เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ คาดว่าจะหารือเกี่ยวกับเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อในงานประชุมธนาคารกลางยุโรป ขณะที่รายงานการประชุมของเฟดจะให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ท่ามกลางข้อมูลการจ้างงานนอกภาคเกษตรจะได้รับการจับตาดูอย่างใกล้ชิดถึงผลกระทบต่อการประเมินตลาดแรงงานและการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD US 500 [S&P 500]
แนวต้านสำคัญ : 5478.4, 5486.4, 5499.5
แนวรับสำคัญ : 5452.2, 5444.2, 5431.1
1D Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5422.2 - 5452.2 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 5452.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5484.4 และ SL ที่ประมาณ 5407.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 5478.4 - 5508.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5523.0 และ SL ที่ประมาณ 5437.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5478.4 - 5508.4 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 5478.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5450.2 และ SL ที่ประมาณ 5524.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5422.2 - 5452.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5395.0 และ SL ที่ประมาณ 5494.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Jul 2, 2024 11:03AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 5416 | 5431.1 | 5450.2 | 5465.3 | 5484.4 | 5499.5 | 5518.6 |
Fibonacci | 5431.1 | 5444.2 | 5452.2 | 5465.3 | 5478.4 | 5486.4 | 5499.5 |
Camarilla | 5459.8 | 5462.9 | 5466.1 | 5465.3 | 5472.3 | 5475.5 | 5478.6 |
Woodie's | 5418 | 5432.1 | 5452.2 | 5466.3 | 5486.4 | 5500.5 | 5520.6 |
DeMark's | - | - | 5457.7 | 5469.1 | 5491.9 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ