BoC อาจคงอัตราดอกเบี้ยเนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง
ดอลลาร์แคนาดาแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วโดยได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลง นอกจากนี้ ยังได้รับแรงหนุนจากอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น ทำให้นักลงทุนลดความคาดหวังว่าธนาคารกลางแคนาดาจะผ่อนนโยบายการเงินเพิ่มเติม ด้านภาคบริการของสหรัฐฯ หดตัวรุนแรงที่สุดในรอบ 4 ปี โดยกิจกรรมทางธุรกิจและคำสั่งซื้อลดลง ขณะที่ผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานยังคงเพิ่มขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 9 ติดต่อกัน และการจ้างงานภาคเอกชนในเดือนมิถุนายนขยายตัวในอัตราที่ช้าลงอย่างมาก ส่งผลให้มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สู่ระดับสูงสุดในรอบ 2 เดือน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของอุปทานจากภัยธรรมชาติที่มีความรุนแรงมากขึ้น และความขัดแย้งในตะวันออกกลางที่ทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้การส่งออกสินค้าหลักของแคนาดาแข็งแกร่งขึ้น
BoC คาดการณ์ว่า GDP ของแคนาดาจะเติบโต 0.1% ในเดือนพฤษภาคม โดยได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของภาคการผลิต, ภาคอสังหาริมทรัพย์,การเงินและการประกันภัย แต่ยอดค้าปลีกหดตัวลงเล็กน้อย ซึ่งนำไปสู่การคาดการณ์การใช้จ่ายของภาคครัวเรือนที่อาจกำลังลดลงในอนาคตและส่งผลให้บริษัทต่างๆ อาจต้องลดจำนวนพนักงานลดเพื่อลดต้นทุนการผลิต
อัตราการว่างงานในแคนาดาเพิ่มขึ้นเป็น 6.4% ในเดือนมิถุนายน จาก 6.2% ในเดือนก่อนหน้า สูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ 6.3% อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้นนี้สอดคล้องกับความคิดเห็นของธนาคารกลางแคนาดาที่ว่าอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อตลาดแรงงานของแคนาดาโดยตรง ซึ่งช่วยสนับสนุนให้ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางแคนาดาจำเป็นต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง จำนวนผู้ว่างงานเพิ่มขึ้น 42,000 คนจากเดือนก่อนหน้าเป็น 1,400,000 คน โดยการว่างงานที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่เป็นกลุ่มกลุ่มเยาวชนที่มีอายุระหว่าง 15-24 ปี
PMI ภาคบริการลดลงมาอยู่ที่ 47.1 ในเดือนมิถุนายน 2024 จาก 51.1 ในเดือนพฤษภาคม ถือเป็นสัญญาณการหดตัวอีกครั้ง โดยการหดตัวของภาคบริการในครั้งนี้เกิดจากการลดลงของปริมาณธุรกิจใหม่ที่เข้ามาและภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอลงจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยมีเพียงภาคการเงินและการประกันภัยเท่านั้นที่ยังสามารถเติบโต นอกจากนี้การเติบโตของการจ้างงานเริ่มมีอัตราการเติบโตที่ชะลอตัวลง ทั้งนี้อัตราเงินเฟ้อด้านต้นทุนลดลงเล็กน้อย ซึ่งช่วยบรรเทาแรงกดดันด้านราคาได้บางส่วน
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)
แนวต้านสำคัญ: 1.3662, 1.3681, 1.371
แนวรับสำคัญ: 1.3615, 1.3585, 1.3567
ที่มา: Investing.com
Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3585 - 1.3615 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.3615 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3681 และ SL ที่ประมาณ 1.3567 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2: หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3662 - 1.3681 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.371 และ SL ที่ประมาณ 1.3585 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1: หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3662 - 1.3681 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.3662 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3585 และ SL ที่ประมาณ 1.371 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2: หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.3585 - 1.3615 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3567 และ SL ที่ประมาณ 1.3681 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
จุดกลับตัว 5 กรกฎาคม 2567 21:40 น. GMT+7
ชื่อ | S3 | S2 | S1 | จุดกลับตัว | R1 | R2 | R3 |
Classic | 1.3567 | 1.3585 | 1.3615 | 1.3633 | 1.3662 | 1.3681 | 1.371 |
Fibonacci | 1.3585 | 1.3604 | 1.3615 | 1.3633 | 1.3651 | 1.3662 | 1.3681 |
Camarilla | 1.363 | 1.3634 | 1.3639 | 1.3633 | 1.3647 | 1.3652 | 1.3656 |
Woodie's | 1.3571 | 1.3587 | 1.3619 | 1.3635 | 1.3666 | 1.3683 | 1.3714 |
DeMark's | - | - | 1.3623 | 1.3637 | 1.3671 | - | - |