ECB คาดคงอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อและความกังวลของตลาด
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยหลังจากผ่อนคลายอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน ขณะที่มอร์แกน สแตนลีย์ ตั้งข้อสังเกตว่า ECB มีแนวโน้มที่จะคงจุดยืนในการประชุมเดือนกรกฎาคม ท่ามกลางความสนใจที่มุ่งเน้นไปที่เส้นทางอัตราดอกเบี้ยในอนาคตและสถานการณ์ในฝรั่งเศส
จากผลสำรวจนักวิเคราะห์โดยสำนักข่าวรอยเตอร์ คาดการณ์ว่า ECB อาจลดอัตราดอกเบี้ยอีกสองครั้งปีนี้ ในเดือนกันยายนและธันวาคม โดยหลังจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน เจ้าหน้าที่ ECB หลายราย รวมถึงประธานาธิบดีคริสติน ลาการ์ด ยังคงไม่ได้แสดงความเร่งรีบที่จะลดต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มเติม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อด้านบริการที่ยังคงสูง อัตราการว่างงานต่ำ และการเติบโตของค่าจ้างที่สูง ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต
ทางด้าน คลาส น็อต ประธานธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์กล่าวว่า ไม่มีเหตุผลในการลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม แต่การประชุมเดือนกันยายนอาจ "เปิดกว้าง" ต่อความเป็นไปได้ โดยน็อตรู้สึกพอใจกับความคืบหน้าของ ECB ในการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ภายในปลายปี 2025 แต่ย้ำว่าความล่าช้าในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวจะชะลอการลดอัตราดอกเบี้ยที่อาจเกิดขึ้นต่อไป ขณที่ความคาดหวังของตลาดในปัจจุบันสอดคล้องกับจุดยืนนโยบายของ ECB โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยหนึ่งถึงสองครั้งในปีนี้และเพิ่มเติมในปีหน้า โดยอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะถูกคงไว้สูงกว่า 3%
ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อได้ลดลงเหลือ 2.5% ในเดือนที่แล้ว แต่คาดว่าจะไม่ถึงเป้าหมาย 2% จนกว่าจะถึงครึ่งหลังของปี 2025 โดยแรงกดดันด้านเงินเฟ้อพื้นฐาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคบริการยังคงอยู่ในระดับสูง ท่ามกลางตลาดแรงงานที่ตึงตัวซึ่งมีอัตราการว่างงานต่ำเป็นประวัติการณ์ที่ยังคงเพิ่มแรงกดดัน ขณะที่การเติบโตของค่าจ้างคาดว่าจะอยู่ในระดับสูงซึ่งส่งผลต่อการควบคุมเงินเฟ้อ โดยเศรษฐกิจยูโรโซนคาดว่าจะเติบโตเล็กน้อย ขณะที่การเติบโตของเยอรมนีคาดว่าจะซบเซาอย่างมาก
ทางด้านความเชื่อมั่นของนักลงทุนในยูโรโซนลดลงอย่างรวดเร็วในเดือนกรกฎาคม สิ้นสุดแรงดีดตัวขึ้นสูงต่อเนื่องแปดเดือน โดยพบดัชนี Sentix ในยูโรโซนลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ท่ามกลางนักลงทุนที่ยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับการเลือกตั้งในฝรั่งเศสและเยอรมนี รวมถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึงซึ่งมีส่วนเพิ่มแรงกดดัน ขณะที่ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของเยอรมนีลดลงเช่นกันในเดือนกรกฎาคมหลังจากเพิ่มขึ้นสามเดือน
โดยในเดือนมิถุนายน อัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีลดลงเหลือ 2.5% จาก 2.8% ในเดือนพฤษภาคม การสำรวจโดยสมาคม VDMA เปิดเผยว่าผู้ผลิตในเยอรมนีมากกว่าครึ่งหนึ่งคาดว่าจะพบรายได้เพิ่มขึ้นในปี 2025 ขณะที่ประมาณ 40% คาดว่ารายได้จะลดลงในปีนี้ และ 23% คาดว่ารายได้จะชะลอตัว นอกจากนี้ บริษัทผู้ผลิต 22% คาดการณ์ว่าการลงทุนจะลดลงในปี 2024 เนื่องจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการเมือง แม้ว่ามากกว่าครึ่งหนึ่งวางแผนที่จะเพิ่มการลงทุนในปี 2025
ขณะเดียวกัน ในช่วงครึ่งแรกของปี 2024 การล้มละลายของบริษัทขนาดกลางและใหญ่ในเยอรมนีเพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุมาจากอัตราเงินเฟ้อ ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และอุปสงค์ที่ลดลง โดยภาคอสังหาริมทรัพย์ ซัพพลายเออร์ยานยนต์ และวิศวกรรมเครื่องกลได้รับผลกระทบเป็นพิเศษ ขณะที่ DIHK คาดว่าการล้มละลายจะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไปเนื่องจากปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การขาดแคลนแรงงานที่มีทักษะ
นอกจากนี้ ราคาขายส่งของเยอรมนีลดลง 0.6% ในเดือนมิถุนายนเมื่อเทียบเป็นรายปี และการส่งออกลดลง 3.6% ในเดือนพฤษภาคมเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักมาจากความต้องการที่ลดลงจากประเทศจีน สหรัฐอเมริกา และประเทศในยุโรป
ทางด้านฝรั่งเศส อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้น 2.5% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนมิถุนายน ลดลงเล็กน้อยจาก 2.6% ในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อราคาพลังงานที่อ่อนแอและราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ราคาบริการเร่งตัวขึ้นเล็กน้อย โดยเศรษฐกิจฝรั่งเศสคาดว่าจะขยายตัว 0.1% ในไตรมาสที่ 2 ปี 2024 โดยอาจได้รับผลกระทบเชิงบวกจากการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ปารีส ช่วยถ่วงดุลความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการเลือกตั้งรัฐสภาครั้งล่าสุด
ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรมทั้งในฝรั่งเศสและเยอรมนีลดลงเกินคาดในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยการผลิตของฝรั่งเศสลดลง 2.1% และเยอรมนีลดลง 2.5% ซึ่งทั้งคู่เกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลงหรือเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ปัญหาเกี่ยวกับอุปทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาคยานยนต์และเคมีภัณฑ์ และความท้าทายในภาคการผลิตโลหะและการก่อสร้างมีส่วนทำให้เกิดการลดลงดังกล่าว
ในวันจันทร์ ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเนื่องจากนักลงทุนแสวงหาความอุ่นใจหลังจากการพยายามลอบสังหารอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเพิ่มความไม่แน่นอนของตลาดและการคาดการณ์เกี่ยวกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นของทรัมป์ต่อการเลือกตั้งสหรัฐฯ ที่กำลังจะมาถึง โดยผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอาจช่วยเสริมชื่อเสียงและความแข็งแกร่งของของทรัมป์ แต่อาจนำมาซึ่งความไม่มั่นคงทางการเมือง
อีกด้าน จากรายงานของมหาวิทยาลัยมิชิแกน ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ ลดลงในเดือนกรกฎาคม โดยดัชนีลดลงเหลือ 66.0 จาก 68.2 ในเดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อในปีหน้าและหลังจากนั้นดีขึ้นเล็กน้อย โดยการคาดการณ์ในหนึ่งปีลดลงเหลือ 2.9% ขณะที่แนวโน้มห้าปีทรงตัวอยู่ที่ระดับเดียวกัน
ทั้งนี้ เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ มีกำหนดให้สัมภาษณ์ที่สมาคมเศรษฐกิจแห่งวอชิงตัน ดี.ซี. ซึ่งคาดว่าจะหารือเกี่ยวกับความพยายามอย่างต่อเนื่องในการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อและทิศทางนโยบายสองประการของเฟด
นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเผยแพร่รายงาน Beige Book ซึ่งจะให้ข้อมูลเศรษฐกิจโดยสรุปจากเขตธนาคารกลางสหรัฐฯ ทั้ง 12 เขต หลังจากที่รายงานล่าสุดระบุถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนและความอ่อนแอในการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยเนื่องมาจากความอ่อนไหวด้านราคาที่สูงขึ้นในหมู่ผู้บริโภค ท่ามกลางข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ รวมถึงการขอรับสวัสดิการว่างงานและยอดค้าปลีก จึงคาดว่าจะส่งผลให้เงินยูโรมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นลงในกรอบกว้างๆ และอ่อนค่ากว่าเงินดอลลาร์ได้ในระยะกลางจากความแตกต่างของผลตอบแทนระหว่างทั้งสองเศรษฐกิจ
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD EUR/USD
แนวต้านสำคัญ : 1.0893, 1.0896, 1.0901
แนวรับสำคัญ : 1.0883, 1.0880, 1.0875
1D Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0878 - 1.0883 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.0883 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0893 และ SL ที่ประมาณ 1.0876 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0893 - 1.0898 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0916 และ SL ที่ประมาณ 1.0881 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0893 - 1.0898 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.0893 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0880 และ SL ที่ประมาณ 1.0900 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.0878 - 1.0883 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0856 และ SL ที่ประมาณ 1.0895 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Jul 15, 2024 09:36AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.0867 | 1.0875 | 1.088 | 1.0888 | 1.0893 | 1.0901 | 1.0906 |
Fibonacci | 1.0875 | 1.088 | 1.0883 | 1.0888 | 1.0893 | 1.0896 | 1.0901 |
Camarilla | 1.0882 | 1.0884 | 1.0885 | 1.0888 | 1.0887 | 1.0888 | 1.089 |
Woodie's | 1.0867 | 1.0875 | 1.088 | 1.0888 | 1.0893 | 1.0901 | 1.0906 |
DeMark's | - | - | 1.0878 | 1.0887 | 1.0891 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ