รัฐบาลอังกฤษใช้นโยบายใหม่สำหรับการเฝ้าระวังด้านงบประมาณท่ามกลางความท้าทายทางการคลัง
รัฐบาลอังกฤษชุดใหม่ประกาศว่าหน่วยงานทางการในการเฝ้าระวังงบประมาณจะต้องให้ความสำคัญกับการประเมินการเปลี่ยนแปลงนโยบายภาษีและการใช้จ่ายของภาครัฐ เนื่องจากมาตรการใดๆ ที่จะเกิดขึ้นจะมีมูลค่าอย่างน้อย 1% ของ GDP โดยนโยบายนี้เป็นไปตามคำมั่นสัญญาของพรรคแรงงานก่อนชัยชนะในการเลือกตั้งในวันที่ 4 กรกฎาคม หลังจากที่ก่อนหน้านี้ในปี 2022 อดีตนายกรัฐมนตรี ลิซ ทรัสและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ควาซี กวาร์เต็งทำให้ราคาพันธบัตรรัฐบาลตกต่ำด้วยการประกาศลดภาษีโดยไม่มีการประเมินดังกล่าว
ทั้งนี้ ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าอังกฤษได้กู้ยืมเกินคาดในเดือนมิถุนายน ตอกย้ำถึงความท้าทายทางการเงินสำหรับรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี เคียร์ สตาร์เมอร์ ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ที่ 2% ในเดือนมิถุนายน โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากราคาโรงแรมที่สูงขึ้นซึ่งได้รับอิทธิพลจากเหตุการณ์สำคัญๆ ซึ่งขัดแย้งกับการคาดการณ์ที่คาดว่าจะลดลงเล็กน้อย ซึ่งอัตราเงินเฟ้อ พร้อมด้วยแรงกดดันด้านราคาที่แข็งแกร่ง ได้สร้างข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยโดยธนาคารแห่งอังกฤษ (BoE) ที่อาจเกิดขึ้นในวันที่ 1 สิงหาคมนี้
อย่างไรก็ดี แม้ว่าการเติบโตของค่าจ้างจะชะลอตัวลงเล็กน้อย แต่การปรับขึ้นค่าจ้างยังคงอยู่ในระดับสูง โดยพบการจ่ายค่าจ้างรายปีโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 4.9% ขณะเดียวกัน รัฐบาลใหม่กำลังพิจารณาขึ้นค่าจ้างตามอัตราเงินเฟ้อสำหรับพนักงานภาครัฐเกือบ 2 ล้านคนเพื่อหลีกเลี่ยงการนัดหยุดงาน
ทางด้านอัตราการออมในครัวเรือนของสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่การแพร่ระบาดของโควิด-19 แตะ 11.1% ในต้นปี 2023 ซึ่งตรงกันข้ามกับสหรัฐอเมริกาและยูโรโซน ที่ครัวเรือนใช้จ่ายเงินออมอย่างอิสระมากขึ้น สนับสนุนการบริโภคและการเติบโตทางเศรษฐกิจ
อีกด้าน ยอดค้าปลีกของอังกฤษลดลง 1.2% ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากสภาพอากาศที่เย็นขึ้น เกินการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะลดลง 0.4% โดยแม้ว่าอัตราค่าจ้างจะเร่งตัวสูงขึ้นเร็วกว่าอัตราเงินเฟ้อ แต่ผู้ซื้อยังคงลังเลที่จะใช้จ่าย ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี แม้ว่าผลงานของรัฐบาลชุดใหม่และทีมฟุตบอลอังกฤษจะส่งผลเพียงเล็กน้อย โดยแม้ว่าความเชื่อมั่นในการจับจ่ายใช้สอยสินค้าขนาดใหญ่ที่เพิ่มขึ้นอาจเป็นประโยชน์ต่อผู้ค้าปลีก แต่ความรู้สึกโดยรวมเกี่ยวกับเศรษฐกิจของประชาชนยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ขณะเดียวกัน ราคาบ้านเพิ่มขึ้น 2.2% ต่อปีในเดือนพฤษภาคม หลังจากที่เพิ่มขึ้น 1.3% ในเดือนเมษายน ในขณะที่ค่าเช่าภาคเอกชนเพิ่มขึ้น 8.6% ในปีนี้จนถึงเดือนมิถุนายน ลดลงเล็กน้อยจากเดือนพฤษภาคมซึ่งอยู่ที่ 8.7%
ทั้งนี้ ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษแนะนำให้ธนาคารต่างๆ ทำธุรกรรมซื้อคืน (Repo) มากขึ้น เนื่องจากการตั้งเป้าที่จะลดการถือครองพันธบัตรรัฐบาลลง 100,000 ล้านปอนด์ต่อปี ที่อาจส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ขณะที่เงินสดสำรองที่ธนาคารถือครองอยู่ที่ BoE จำเป็นต้องลดลงเหลือระหว่าง 345 พันล้านถึง 490 พันล้านปอนด์ เพื่อส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่ออัตราดอกเบี้ย
ทางด้านตลาดสกุลเงินแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายสัปดาห์เนื่องจากอุปสงค์ของจีนที่อ่อนแอ ท่ามกลางนักวิเคราะห์ของ UBS ที่ยังคงมองในแง่ดีเกี่ยวกับการลงจอดอย่างนุ่มนวลของเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยอ้างถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคและแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่ลดลง และคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน โดย UBS ชี้ไปที่ตัวบ่งชี้การเติบโตที่ชะลอตัว เช่น ISM PMI และการผ่อนคลายแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ รวมถึงการชะลอตัวของค่าเช่าที่ถูกจับตามานาน
ในข่าวเศรษฐกิจอื่นๆ บริษัทสหรัฐฯ กู้ยืมเงินน้อยลง 4% เพื่อลงทุนในเครื่องมือและอุปกรณ์ในเดือนมิถุนายน เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยสินเชื่อใหม่ สัญญาเช่า และวงเงินสินเชื่อลดลง 2% จากเดือนพฤษภาคม โดยสมาคมลีสซิ่งอุปกรณ์และสมาคมการเงินรายงานการอนุมัติสินเชื่อที่ทรงตัว ท่ามกลางดัชนีความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม
ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ รวมถึง GDP ไตรมาสสองและดัชนีราคา PCE เดือนมิถุนายน จะมีความสำคัญต่อแนวโน้มในช่วงนี้ โดยการเติบโตของ GDP คาดว่าจะเร่งตัวขึ้น และมาตรวัดเงินเฟ้อยังคงถูกคาดว่าจะไม่สามารถแตะ 2% ได้จนกว่าจะถึงปี 2026 เป็นอย่างน้อย ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่เชื่อว่าอัตราเงินเฟ้อจะยังคงสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ตลอดช่วงที่เหลือของปี ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยหนึ่งครั้งต่อไตรมาสจนถึงปี 2025 โดยมีเป้าหมายเพื่อให้อัตราเงินกองทุนของรัฐบาลกลางอยู่ที่ 3.75%-4.00% ภายในสิ้นปี 2025 จึงอาจส่งผลให้คู่สกุล GBP/USD คาดว่าจะมีแนวโน้มซื้อขายในกรอบบนได้เล็กน้อยในช่วงนี้
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD GBP/USD
แนวต้านสำคัญ : 1.2892, 1.2893, 1.2895
แนวรับสำคัญ : 1.2888, 1.2887, 1.2885
30Min Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.2883 - 1.2888 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.2888 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2892 และ SL ที่ประมาณ 1.2881 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2892 - 1.2897 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2903 และ SL ที่ประมาณ 1.2886 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2892 - 1.2897 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้าน 1.2892 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2887 และ SL ที่ประมาณ 1.2899 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.2883 - 1.2888 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2877 และ SL ที่ประมาณ 1.2894 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Jul 24, 2024 10:19AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.2882 | 1.2885 | 1.2887 | 1.289 | 1.2892 | 1.2895 | 1.2897 |
Fibonacci | 1.2885 | 1.2887 | 1.2888 | 1.289 | 1.2892 | 1.2893 | 1.2895 |
Camarilla | 1.2889 | 1.2889 | 1.289 | 1.289 | 1.289 | 1.2891 | 1.2891 |
Woodie's | 1.2882 | 1.2885 | 1.2887 | 1.289 | 1.2892 | 1.2895 | 1.2897 |
DeMark's | - | - | 1.2887 | 1.289 | 1.2891 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ