ธนาคารกลางจีนได้ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลงอีกครั้ง

ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 7.23 หยวนต่อดอลลาร์ แม้ว่าธนาคารกลางจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง (MLF) 1 ปีลงก็ตาม ถือเป็นนโยบายสำคัญที่จะช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจภายในประเทศให้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง  อย่างไรก็ตาม การปรับลดอัตราดอกเบี้ยอย่างรุนแรงและรวดเร็วอาจทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง ส่งผลถึงการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศที่แพงขึ้นและการนำไปสู่การเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วของอัตราเงินเฟ้อ

ธนาคารประชาชนแห่งประเทศจีน (PBoC) ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น (MLF) ลงเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคม โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้นอยู่ที่ 2.3% จาก 2.5% ถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกในรอบเกือบ 1 ปี เนื่องจากธนาคารกลางจำเป็นต้องสนับสนุนเศรษฐกิจที่ซบเซา โดยมีตัวชี้วัดจากตัวเลข GDP ในไตรมาสที่ 2 ต่ำกว่าที่คาด และข้อมูลเศรษฐกิจที่ผสมกันในเดือนมิถุนายน นอกจากนี้ ธนาคารกลางได้ปล่อยสินเชื่อมูลค่ากว่า 200,000 ล้านหยวนผ่านโครงการเงินกู้และอัดฉีดเงิน 235,100 ล้านหยวนผ่านโครงการซื้อคืนพันธบัตรรัฐบาลเพื่อสนับสนุนราคาพันธบัตรรัฐบาลให้กลับขึ้นมาอีกครั้ง

นอกจากนี้ การลดอัตราดอกเบี้ยยังส่งผลดีต่อภาคครัวเรือน ทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 5 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัย ก็ลดลงเช่นกันเหลือ 3.85% ซึ่งจะส่งผลดีต่อการใช้จ่ายหนี้สำหรับที่อยู่อาศัยในระยะยาวของประชาชนจีน ด้าน Bloomberg News กล่าวว่าการลดอัตราดอกเบี้ยนี้อาจแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางจีนมากขึ้น ด้านนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่าธนาคารกลางลังเลที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลงอีก เนื่องจากการผ่อนคลายนโยบายที่รวดเร็วเกินไป อาจทำให้มีเงินทุนไหลออกจากตลาดการเงินของประเทศ

ดุลการค้าของจีนเพิ่มขึ้นแตะระดับ 99,050 ล้านดอลลาร์ในเดือนมิถุนายน จาก 69,800 ล้านดอลลาร์ในช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการส่งออกเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่การนำเข้าลดลงจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ชะลอตัว

การส่งออกจากจีนขยายตัว 8.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี สู่ 307.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เร่งตัวขึ้นหลังจากการขยายตัว 7.6% ในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากคำสั่งซื้อสินค้าส่งออกกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง โดยส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนหลักจากยอดขายเฟอร์นิเจอร์และผลิตภัณฑ์พลาสติก ในขณะที่การส่งออกรถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ยังสามารถเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยการส่งออกส่วนใหญ่ยังคงเพิ่มขึ้นในสหรัฐ, ฮ่องกงและไต้หวันในขณะที่การส่งออกไปยังญี่ปุ่นลดลง 

การนำเข้าสินค้าจากจีนลดลง 2.3% จากปีก่อนหน้า โดยลดลงมาเหลือ 208,810 ล้านเหรียญสหรัฐ ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะเติบโต 2.8% เนื่องจากอุปสงค์ภายในประเทศที่อ่อนแออย่างต่อเนื่อง  โดยการนำเข้าส่วนใหญ่ในช่วง 6 เดือนแรกของปีเป็นการนำเข้าอุปกรณ์ประมวลผลข้อมูลอัตโนมัติที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 53.7% ในขณะที่การนำเข้าน้ำมันพืชและแร่หายากยังคงลดลงต่อเนื่อง

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ: 7.2538, 7.2806, 7.302

แนวรับสำคัญ: 7.2056, 7.1842, 7.1574

ที่มา: Investing.com

Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 7.1842 - 7.2056 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 7.2056 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.2806 และ SL ที่ประมาณ 7.1574 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดกลับตัว 25 กรกฎาคม 2567 21:06 น. GMT+7