เศรษฐกิจอังกฤษเผชิญกับการเติบโตระดับปานกลาง ท่ามกลางตลาดงานชะลอตัว และอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษล่าสุดปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี ถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของ BoE ในรอบกว่า 4 ปี เพื่อบรรเทาภาระให้แก่ครัวเรือนและธุรกิจต่างๆ ในช่วงฟื้นตัวจากผลกระทบด้านเงินเฟ้อจากการระบาดของโควิด-19 และความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยใหม่กำหนดไว้ที่ 5.0% จากเดิม 5.25% โดยแม้ว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้อาจช่วยให้เศรษฐกิจของอังกฤษที่กำลังดิ้นรนมีความหวังมากขึ้น แต่รัฐบาลชุดใหม่ยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจที่สำคัญ
ทางด้านตลาดงานของอังกฤษแสดงสัญญาณชะลอตัวในเดือนกรกฎาคม โดยพบการปรับขึ้นเงินเดือนที่ช้าลงและการจ้างงานประจำยังคงลดลงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษกำลังติดตามการเติบโตของค่าจ้างและแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ โดยแคทเธอรีน แมนน์ สมาชิกคณะกรรมการนโยบายการเงินของ BoE ตั้งข้อสังเกตว่าแรงกดดันด้านค่าจ้างและราคาอาจคงอยู่ต่อไปอีกหลายปีเนื่องจากปัจจัยเชิงโครงสร้างจากเงินเฟ้อที่สูงในช่วงที่ผ่านมา ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่กลับมาอยู่ที่ 2% ในเดือนพฤษภาคม แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีกครั้งเล็กน้อยในช่วงปลายปีนี้
โดย ONS จะเริ่มรวบรวมข้อมูลราคาของชำกว่า 1 พันล้านหน่วยต่อเดือน โดยจะเริ่มตั้งแต่เดือนมีนาคม 2025 เพื่อปรับปรุงการวัดอัตราเงินเฟ้อให้ทันสมัย ซึ่งระบบใหม่นี้จะให้ข้อมูลอัตราเงินเฟ้อที่ครอบคลุมและแม่นยำยิ่งขึ้นเมื่อเทียบกับวิธีการปัจจุบัน
ทางด้านราคาบ้านในอังกฤษเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ 6 เดือนในเดือนกรกฎาคม โดยเพิ่มขึ้น 2.3% ขณะที่พรรคแรงงานมีแผนจะปฏิรูประบบการวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหาด้านอุปทานที่อยู่อาศัย ซึ่งคาดว่าจะยังคงส่งผลต่อราคาบ้านอย่างต่อเนื่อง
อีกด้าน สถาบันวิจัยเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NIESR) เรียกร้องให้เพิ่มการลงทุนของภาครัฐเพื่อกระตุ้นผลผลิตและการเติบโตในระยะยาว ซึ่งคาดว่าจะต้องใช้เงินอีก 5 หมื่นล้านปอนด์ต่อปี โดย NIESR คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรจะเติบโตในระดับปานกลางในปีต่อๆ ไป ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายการเติบโตของพรรคแรงงาน และแม้ว่ารัฐบาลจะมุ่งเน้นไปที่ความรอบคอบทางการคลัง แต่ NIESR แนะนำว่าอาจจำเป็นต้องผ่อนปรนกฎเกณฑ์การกู้ยืมเพื่อกระตุ้นการลงทุนเพื่อรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยในสัปดาห์นี้ สหราชอาณาจักรจะเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญ รวมถึงการเติบโตของค่าจ้างและตัวเลขเงินเฟ้อ ซึ่งธนาคารกลางอังกฤษจะจับตามองอย่างใกล้ชิดในการตัดสินใจด้านนโยบายการเงินในอนาคต
สำหรับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงทรงตัวระหว่างการซื้อขายเซสชั่นเอเชีย เนื่องจากนักลงทุนลังเลที่จะเคลื่อนไหวก่อนที่ข้อมูลเงินเฟ้อจะเผยแพร่ ซึ่งตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่จะประกาศในวันพุธนี้ คาดว่าจะแสดงอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม และอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีพื้นที่ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากขึ้น โดยอัตราดอกเบี้ยที่ลดลงอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อค่าเงินดอลลาร์ และอาจเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างหนัก พร้อมกันกับรายงานเศรษฐกิจอื่นๆ ในสัปดาห์นี้ ซึ่งรวมถึงการผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีก
ทั้งนี้ จำนวนผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 17,000 ราย เหลือ 233,000 รายในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 3 สิงหาคม ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับตลาดแรงงานที่หดตัว และสนับสนุนแนวคิดเกี่ยวกับรายงานการจ้างงานเมื่อเดือนที่แล้วที่อาจมีความผิดปกติจากการหยุดชะงักทางเศรษฐกิจชั่วคราว โดยการลดลงของจำนวนผู้ยื่นขอรับสวัสดิการได้ช่วยกระตุ้นตลาดหุ้นสหรัฐฯ และผลตอบแทนพันธบัตร รวมถึงการแข็งค่าของค่าเงินดอลลาร์
ทางด้านตลาดที่อยู่อาศัยได้รับข่าวเชิงบวก โดยอัตราจำนอง 30 ปีโดยเฉลี่ยลดลงเหลือ 6.47% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2023 ขณะที่สินค้าคงคลังขายส่งขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งอาจส่งผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
ในเดือนกรกฎาคม งบประมาณขาดดุลของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 10% มาอยู่ที่ 244 พันล้านดอลลาร์ โดยแม้ว่ารายรับจะเพิ่มขึ้น 20% แต่รายจ่ายกลับเพิ่มขึ้น 16% ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายเมดิแคร์ที่เพิ่มขึ้น
ทางด้านอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะกลางของผู้บริโภคลดลงในเดือนกรกฎาคม แม้ว่าแนวโน้มระยะสั้นและระยะยาวจะยังคงทรงตัว ขณะที่สัญญาซื้อขายอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าบ่งชี้ถึงความน่าจะเป็นที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุดในเดือนหน้า ลดลงเหลือ 58% จาก 70% ก่อนหน้านี้ จึงอาจส่งผลให้คู่สกุล GBP/USD คาดว่าจะมีแนวโน้มซื้อขายขึ้นลงในกรอบปัจจุบันและกรอบบนได้อีกเล็กน้อยในช่วงนี้
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD GBP/USD
แนวต้านสำคัญ : 1.2809, 1.2815, 1.2825
แนวรับสำคัญ : 1.2789, 1.2783, 1.2773
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.2769 - 1.2789 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.2789 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2814 และ SL ที่ประมาณ 1.2759 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2809 - 1.2829 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2840 และ SL ที่ประมาณ 1.2779 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2809 - 1.2829 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้าน 1.2809 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2788 และ SL ที่ประมาณ 1.2839 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.2769 - 1.2789 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2758 และ SL ที่ประมาณ 1.2819 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Aug 13, 2024 02:12PM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.2762 | 1.2773 | 1.2788 | 1.2799 | 1.2814 | 1.2825 | 1.284 |
Fibonacci | 1.2773 | 1.2783 | 1.2789 | 1.2799 | 1.2809 | 1.2815 | 1.2825 |
Camarilla | 1.2797 | 1.28 | 1.2802 | 1.2799 | 1.2807 | 1.2809 | 1.2812 |
Woodie's | 1.2766 | 1.2775 | 1.2792 | 1.2801 | 1.2818 | 1.2827 | 1.2844 |
DeMark's | - | - | 1.2794 | 1.2802 | 1.282 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ