ECB คาดลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้ ท่ามกลางความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและเศรษฐกิจ
ธนาคารกลางยุโรป (ECB) คาดว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยอีกสองครั้งในปีนี้ในเดือนกันยายนและธันวาคม ตามผลสำรวจนักเศรษฐศาสตร์กว่า 80% ของ Reuters ซึ่งน้อยกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ โดยตั้งแต่เดือนเมษายน นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์อย่างต่อเนื่องว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งหมดสามครั้งในปีนี้ และรวมหนึ่งครั้งที่ผ่านมาในเดือนมิถุนายน ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าอัตราดอกเบี้ยคาดว่าจะมีการปรับลด 4 ครั้งภายในสิ้นปี โดยปัจจัยต่างๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อของเขตยูโรที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดในเดือนกรกฎาคม อัตราการว่างงานที่ต่ำ และกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ทรงตัว เป็นเหตุผลที่ ECB ยังคงใช้แนวทางอย่างระมัดระวัง
อย่างไรก็ตาม คาดว่า ECB จะลดอัตราดอกเบี้ย 4 ครั้งในปีหน้า แตะระดับ 2.25% ภายในสิ้นปี 2025 ขณะที่เศรษฐกิจยูโรโซนซึ่งคาดว่าจะเติบโต 0.3% ในไตรมาสที่แล้ว คาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 0.7% ในปีนี้ ก่อนที่จะขยายตัว 1.3% ในปี 2025 และ 1.4% ในปี 2026
อัตราเงินเฟ้อยูโรโซนเพิ่มขึ้นเป็น 2.6% ในเดือนกรกฎาคม จาก 2.5% ในเดือนมิถุนายน และคาดว่าจะเติบโตเฉลี่ย 2.4% ในปีนี้ โดยจะยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมาย 2% ของ ECB จนกว่าจะถึงครึ่งหลังของปี 2025 โดยแนวโน้มดังกล่าวค่อนข้างอยู่ในเชิงบวกมากกว่าการคาดการณ์ของ ECB ในเดือนมิถุนายนเล็กน้อย ท่ามกลางความกังวลถึงการคาดการณ์ของธนาคารกลางในเดือนกันยายนที่อาจแย่ลง
ขณะเดียวกัน การตรวจสอบของ ECB พบว่าธนาคารชั้นนำบางแห่งในยูโรโซนอาจปั่นมูลค่าอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ และบดบังการเสื่อมถอยของสินเชื่อในภาคส่วนที่อาจกำลังประสบปัญหา โดยต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นและอุปสงค์ที่อ่อนแอทำให้ราคาทรัพย์สินลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้ตรวจสอบของ ECB สังเกตเห็นปัญหาในวิธีที่ธนาคารดำเนินการประเมินมูลค่า โดยใช้ข้อมูลที่ล้าสมัยหรือคำจำกัดความมูลค่าตลาดที่ไม่เหมาะสมในบางครั้ง ส่งผลให้ธนาคารจำเป็นต้องประเมินมูลค่าโดยพิจารณาจากสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน ไม่ใช่จากการคาดการณ์ตลาดในอนาคต
ทางด้านดัชนีความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมันลดลงอย่างมีนัยสำคัญในเดือนสิงหาคม ซึ่งถือเป็นการลดลงอย่างรุนแรงที่สุดในรอบ 2 ปี ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจลดลงเหลือ 19.2 จุดจาก 41.8 จุดในเดือนกรกฎาคม ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 32.0 จุด โดยนักวิเคราะห์มองถึงแนวโน้มเชิงลบดังกล่าวจากความไม่แน่นอนที่เกิดจากนโยบายการเงินที่ไม่ชัดเจน ข้อมูลธุรกิจของสหรัฐฯ ที่น่าผิดหวัง และความกังวลเกี่ยวกับความตึงเครียดในตะวันออกกลาง ขณะที่สถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบันของเยอรมนีย่ำแย่ลง โดยลดลงจาก -68.9 จุดเหลือ -77.3 จุด
นอกจากนี้ เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลผสมของเยอรมนีได้ตกลงที่จะลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณปี 2025 จาก 17,000 ล้านยูโรเป็น 12,000 ล้านยูโร หลังจากกระบวนการเจรจาที่ยาวนาน และมีเป้าหมายที่จะรักษางบประมาณให้เป็นไปตามแผนก่อนที่จะได้รับการอนุมัติจากรัฐสภาภายในสิ้นปีนี้ โดยภายใต้ข้อตกลงนี้ Deutsche Bahn จะได้รับหุ้นมูลค่า 4,500 ล้านยูโรและเงินกู้มูลค่า 3,000 ล้านยูโรเพื่อสนับสนุนการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐาน ขณะที่บุนเดสทาคจะเริ่มการอภิปรายงบประมาณในเดือนกันยายน โดยคาดว่าจะได้รับการอนุมัติขั้นสุดท้ายในเดือนพฤศจิกายน
ในฝรั่งเศส ธนาคารกลางคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอย่างน้อย 0.35% ในไตรมาสที่ 3 โดยได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ขณะที่การเติบโตพื้นฐานคาดว่าจะอยู่ที่ 0.1%-0.2% โดยมีแรงกระตุ้นเพิ่มเติมอีก 0.25% จากกิจกรรมภาคบริการที่เพิ่มขึ้น ท่าทกลาง Visa ที่รายงานว่ายอดขายของธุรกิจขนาดเล็กในปารีสเพิ่มขึ้น 26% ในช่วงสุดสัปดาห์แรกของการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก
ทางด้านราคาผู้บริโภคของอิตาลีที่ปรับให้สอดคล้องกับสหภาพยุโรปลดลง 0.9% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนกรกฎาคม แต่เพิ่มขึ้น 1.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ตามข้อมูลของ ISTAT ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน ที่ไม่รวมอาหารสดและพลังงาน อยู่ที่ 2.4% ในเดือนกรกฎาคม
อีกด้าน อัตราเงินเฟ้อของสเปนในรอบ 12 เดือนที่จัดทำโดยสหภาพยุโรปลดลงเหลือ 2.9% ในเดือนกรกฎาคมจาก 3.6% ในเดือนมิถุนายน ซึ่งเท่ากับประมาณการก่อนหน้านี้ ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงเล็กน้อยจาก 3% เหลือ 2.8%
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เงินดอลลาร์อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ เนื่องจากนักลงทุนขายทำกำไรและวิเคราะห์ข้อมูลเศรษฐกิจเพื่อคาดการณ์จุดยืนของธนาคารกลางสหรัฐฯ เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางการลดลงของตัวเลขที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ ที่ยังคงกดดันดอลลาร์ หลังจากที่ดอลลาร์เพิ่มขึ้นก่อนหน้านี้จากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง โดยในเดือนกรกฎาคม การสร้างบ้านเดี่ยวในสหรัฐฯ ลดลงเนื่องจากอัตราจำนองและราคาที่สูง บ่งชี้ถึงภาวะตกต่ำของตลาดอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ข้อมูลแสดงให้เห็นถึงจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายใหม่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบหนึ่งเดือนและยอดขายปลีกที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ท้าทายความคาดหวังของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของเฟดในเดือนหน้า โดยยอดขายปลีกของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.0% ในเดือนกรกฎาคม พลิกกลับจากการลดลง 0.2% จากข้อมูลของเดือนมิถุนายนที่แก้ไขแล้ว ตามข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งการเพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิดนี้อาจลดความกลัวของตลาดการเงินเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอย่างรุนแรง และลดความคาดหวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุด ซึ่งในทางกลับกัน การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% อาจมีแนวโน้มที่สูงกว่า เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม
ทางด้านสินค้าคงคลังของธุรกิจในสหรัฐฯ เติบโตในระดับปานกลางในเดือนมิถุนายน ขณะที่ราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม โดยราคาสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนกรกฎาคม หลังจากไม่เปลี่ยนแปลงในเดือนมิถุนายน ซึ่งสอดคล้องกับการปรับขึ้นราคาสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าของผู้ผลิตเล็กน้อย
ทั้งนี้ ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นในระดับปานกลางในเดือนกรกฎาคม โดยอัตราเงินเฟ้อประจำปีลดลงต่ำกว่า 3% เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3.5 ปี สนับสนุนความเป็นไปได้ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า อย่างไรก็ตาม ด้วยค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นและอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าเป้าหมาย 2% การปรับลด 50 จุดจึงดูไม่น่าจะเกิดขึ้นได้หากไม่มีการเสื่อมถอยของตลาดแรงงานเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้นในเดือนสิงหาคม ซึ่งได้รับอิทธิพลจากการเลือกตั้งประธานาธิบดี โดยดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของมหาวิทยาลัยมิชิแกนเพิ่มขึ้นเป็น 67.8 จาก 66.4 ในเดือนกรกฎาคม ขณะที่ความเชื่อมั่นของพรรคเดโมแครตเพิ่มขึ้นหลังจากการถอนตัวของประธานาธิบดีไบเดนและการเสนอชื่อรองประธานาธิบดีแฮร์ริส ท่ามกลางความเชื่อมั่นของพรรครีพับลิกันที่ลดลง
ปัจจุบัน ตลาดกำลังให้ความสนใจกับคำแถลงที่จะมีขึ้นในเร็วๆ นี้ของประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ในงานสัมมนาแจ็คสันโฮล ซึ่งคาดว่าจะสรุปเหตุผลในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยน่าจะเน้นที่การปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดมากกว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยแบบรุนแรง โดยคำปราศรัยของพาวเวลล์และตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญอื่นๆ จะให้ข้อมูลเชิงลึกเพิ่มเติมเกี่ยวกับทิศทางนโยบายของเฟด จึงคาดว่าจะส่งผลให้เงินยูโรอาจยังคงแนวโน้มปรับตัวขึ้นลงในกรอบกว้างๆ และยังคงอ่อนค่ากว่าเงินดอลลาร์ได้ในระยะกลางจากความแตกต่างของผลตอบแทนระหว่างทั้งสองเศรษฐกิจ
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5Min) CFD EUR/USD
แนวต้านสำคัญ : 1.1040, 1.1041, 1.1042
แนวรับสำคัญ : 1.1038, 1.1037, 1.1036
5Min Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.1036 - 1.1038 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.1038 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1041 และ SL ที่ประมาณ 1.1035 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.1040 - 1.1042 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1044 และ SL ที่ประมาณ 1.1037 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.1040 - 1.1042 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.1040 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1037 และ SL ที่ประมาณ 1.1043 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.1036 - 1.1038 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1034 และ SL ที่ประมาณ 1.1041 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Aug 19, 2024 10:43AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.1034 | 1.1036 | 1.1037 | 1.1039 | 1.1041 | 1.1042 | 1.1044 |
Fibonacci | 1.1036 | 1.1037 | 1.1038 | 1.1039 | 1.104 | 1.1041 | 1.1042 |
Camarilla | 1.1039 | 1.1039 | 1.1039 | 1.1039 | 1.104 | 1.104 | 1.104 |
Woodie's | 1.1034 | 1.1036 | 1.1037 | 1.1039 | 1.1041 | 1.1042 | 1.1044 |
DeMark's | - | - | 1.1038 | 1.1039 | 1.1042 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ