ธนาคารกลางจีนตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งล่าสุด

ค่าเงินหยวนแข็งค่าขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนว่า Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในเร็วๆ นี้ โดยรายงานการประชุมครั้งล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐเปิดเผยว่าสมาชิกส่วนใหญ่เห็นด้วยว่าควรปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งต่อไป หากแนวโน้มข้อมูลภายในประเทศยังคงเป็นไปตามที่คาดไว้ ในขณะเดียวกันธนาคารประชาชนจีนได้ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนสิงหาคม โดยที่รัฐบาลจีนยังคงระมัดระวังต่อนโยบายที่ผ่อนคลายมากเกินไป

ธนาคารประชาชนจีนคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับเดิมในการประชุมเดือนสิงหาคม ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาด โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะเวลา 1 ปี ซึ่งเป็นเกณฑ์อ้างอิงสำหรับสินเชื่อเพื่อธุรกิจและครัวเรือนส่วนใหญ่ ยังคงอยู่ที่ 3.45% ในขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 5 ปี ซึ่งเป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับสินเชื่อที่อยู่อาศัยยังคงอยู่ที่ 3.85% ทางด้านผู้ว่าการ Pan Gongsheng ให้ความคิดเห็นว่าทางรัฐบาลยังคงหลีกเลี่ยงมาตรการใดๆ ก็ตามที่จะส่งผลกระทบรุนแรงมากเกินไปสำหรับเศรษฐกิจที่เปราะบางในตอนนี้ นอกจากนี้ จีนยังคงให้ความสำคัญต่อการขยายสินเชื่อและอุปทานด้านการเงินมากขึ้น

การผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนขยายตัว 5.1% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนกรกฎาคม ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 5.2% และชะลอตัวลงจากการเติบโต 5.3% ในเดือนก่อนหน้า แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตที่ชะลอตัวลงเล็กน้อย ซึ่งสาเหตุหลักมาจากการชะลอตัวของกิจกรรมการผลิต เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังคงเปราะบางทำให้อุปสงค์ภายในประเทศอ่อนแอลงตามไปด้วย ในขณะที่อุตสาหกรรมอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ยังคงมีแนวโน้มเติบโตขึ้น จากการพัฒนาเทคโนโลยีที่กำลังเติบโตขึ้นต่อเนื่อง

การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรของจีนเพิ่มขึ้น 3.6% เมื่อเทียบเป็นรายปีตั้งแต่เดือนมกราคมถึงกรกฎาคม แสดงให้เห็นว่าบริษัทต่างๆ ในยังคงให้ความสำคัญต่อการขยายกำลังการผลิตให้เพิ่มมากขึ้น โดยได้รับแรงหนุนหลักจากการเพิ่มขึ้นของการทำเหมืองแร่ที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 19.3% และกิจกรรมในภาคการผลิตที่เพิ่มขึ้น 9.3% นอกจากนี้ การลงทุนในการผลิตภาคปฐมภูมิ (เป็นการผลิตดั้งเดิมที่ไม่ซับซ้อน) ยังคงเพิ่มขึ้นอีก 3.3% บ่งบอกได้ถึงพื้นฐานการผลิตที่เริ่มมีความต้องการมากขึ้น

การส่งออกจากจีนขยายตัว 7.0% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนกรกฎาคม ชะลอตัวลงจากการเพิ่มขึ้น 8.6% ในเดือนมิถุนายน ถือเป็นการเติบโตของการส่งออกที่อ่อนแอที่สุดตั้งแต่เดือนเมษายน โดยดูได้จากมูลค่าการส่งออกที่ลดลงมาเหลือเพียง 300,560 ล้านเหรียญสหรัฐ อย่างไรก็ตาม การส่งออกของจีนยังสามารถเติบโตได้มากขึ้น เนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อดูเป็นรายประเทศพบว่าการส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา, เกาหลีใต้และไต้หวันเติบโตเพิ่มขึ้นมากที่สุด

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ: 7.1417, 7.1446, 7.1497

แนวรับสำคัญ: 7.1336, 7.1286, 7.1256

ที่มา: Investing.com

Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 7.1286 - 7.1336 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 7.1336 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 7.1446 และ SL ที่ประมาณ 7.1256 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดกลับตัว 22 สิงหาคม 2567 20:20 น. GMT+7