บทวิเคราะห์ GBP/USD วันที่ 26 สิงหาคม 2567

Create at 4 months ago (Aug 26, 2024 10:34)

เงินปอนด์แตะระดับสูงสุดในรอบ ปีเมื่อเทียบกับดอลลาร์ ท่ามกลางความเชื่อมั่นของ BoE และสัญญาณผ่อนคลายของเฟด

ค่าเงินปอนด์พุ่งแตะระดับสูงสุดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ในรอบกว่า 2 ปีในวันศุกร์ โดยได้รับแรงหนุนจากสัญญาณเศรษฐกิจเชิงบวกจากสหราชอาณาจักรและคำกล่าวในเชิงผ่อนคลายของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ซึ่งส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงทั่วโลก และเงินปอนด์แข็งค่าขึ้น 0.94% แตะที่ 1.3211 ดอลลาร์ในช่วงบ่าย ก่อนที่จะแตะ 1.32295 ดอลลาร์ในช่วงสั้นๆ ซึ่งเป็นจุดสูงสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2022 และแซงจุดสูงสุดในปี 2023 ที่ 1.3144 ดอลลาร์

โดยการพุ่งขึ้นของค่าเงินปอนด์นี้ยังได้รับการสนับสนุนจากการสำรวจที่ระบุว่าความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในอังกฤษยังคงอยู่ที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปีในเดือนสิงหาคม ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในแง่ดีเกี่ยวกับการเงินส่วนบุคคลและการจับจ่ายใช้สอยสินค้าสำคัญๆ โดยอารมณ์เชิงบวกดังกล่าวมาจากแนวโน้มของข้อมูลเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรที่แข็งแกร่งกว่าที่คาดไว้ และนำไปสู่การคาดเดาว่าธนาคารแห่งอังกฤษ (BoE) อาจไม่จำเป็นต้องรีบปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งตรงกันข้ามกับที่คาดไว้สำหรับธนาคารกลางสหรัฐฯ

ทั้งนี้ BoE ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยธนาคารลงเหลือ 5.00% จากระดับสูงสุดในรอบ 16 ปีที่ 5.25% ขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้งในปีนี้ อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรยังคงเป็นปัญหาที่น่ากังวล โดยแอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการ BoE มีกำหนดการกล่าวถึงปัญหาดังกล่าวในงานแถลงครั้งต่อไป ซึ่งจะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด

ทางด้านกิจกรรมทางธุรกิจของสหราชอาณาจักรยังแสดงสัญญาณของการเร่งตัวขึ้นในเดือนสิงหาคม โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ S&P Global Composite เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรอาจยังคงเติบโตต่อไปในช่วงครึ่งหลังของปี 2024 แม้ว่าจะชะลอตัวลงจากช่วงครึ่งแรกของปีก็ตาม

โดยเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรเติบโต 0.6% ในไตรมาสที่สองของปี 2024 หลังจากขยายตัว 0.7% ในไตรมาสแรก ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่เร็วที่สุดในรอบกว่าสองปี อย่างไรก็ตาม การเติบโตได้ชะลอตัวลงในเดือนมิถุนายน โดยผลผลิตรายเดือนคงที่ จากปัจจัยต่างๆ เช่น ฝนตกหนักและการนัดหยุดงานของแพทย์

นอกจากนี้ ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากการเลือกตั้งวันที่ 4 กรกฎาคม ซึ่งพรรคแรงงานชนะการเลือกตั้งด้วยเสียงข้างมาก อาจมีส่วนทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวในเดือนมิถุนายน โดยนักวิเคราะห์ตั้งข้อสังเกตว่า แม้ว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรจะมีผลงานที่ดีในช่วงครึ่งแรกของปี แต่การเติบโตอย่างยั่งยืนจะต้องอาศัยรายได้และการลงทุนที่เพิ่มขึ้น

โดยแม้ว่าจะเริ่มต้นได้อย่างแข็งแกร่ง แต่ธนาคารแห่งอังกฤษยังคงคาดการณ์การเติบโตในช่วงที่เหลือของปี 2024 อย่างระมัดระวัง โดยคาดว่าการเติบโตจะช้าลงในไตรมาสที่สามและสี่ ขณะที่ประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจโดยรวมของอังกฤษอยู่ในระดับปานกลางนับตั้งแต่เกิดการระบาดของ COVID-19 โดยผลผลิตต่อหัวยังคงต่ำกว่าระดับก่อนเกิดการระบาดเนื่องจากการเติบโตที่อ่อนแอและประชากรที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ดี แม้จะมีตัวบ่งชี้เชิงบวกดังกล่าว เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรยังคงเผชิญกับความท้าทาย จากผลผลิตภาคการผลิตที่ซบเซา และอัตราเงินเฟ้อที่แม้จะต่ำกว่าในเดือนก่อนๆ แต่ยังคงสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารแห่งอังกฤษ

โดยอัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนกรกฎาคม พุ่งขึ้นมาอยู่ที่ 2.2% ต่ำกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย ขณะที่ธนาคารแห่งอังกฤษคาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นอีกก่อนที่จะกลับสู่เป้าหมายในปี 2026 และแม้ว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อดูเหมือนจะคลี่คลายลง แต่ BoE ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากการเติบโตของค่าจ้างและตลาดแรงงาน ซึ่งการเติบโตของค่าจ้างได้ชะลอตัว และอัตราการว่างงานได้ลดลงอย่างไม่คาดคิด อย่างไรก็ตาม ค่าจ้างภาคเอกชนยังคงเติบโตในอัตราที่อาจทำให้ความพยายามที่จะลดอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในกรอบเป้าหมาย 2% ของ BoE มีความซับซ้อนมากขึ้น

ทางด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เคลื่อนไหวใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 13 เดือน และอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินปอนด์อังกฤษ โดยเข้าใกล้ระดับล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคม 2022 โดยการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังได้รับอิทธิพลจากสัญญาณที่ชัดเจนของเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือเฟด เกี่ยวกับแนวโน้มที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนหน้า

โดยในการกล่าวสุนทรพจน์สำคัญที่การประชุมเศรษฐกิจประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐฯ แคนซัสซิตี้ ในเมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ ระบุว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ พร้อมที่จะเปลี่ยนนโยบายการเงินไปสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากภูมิทัศน์เศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป โดยพาวเวลล์กล่าวว่า "ถึงเวลาที่นโยบายจะต้องมีการปรับเปลี่ยน" โดยเน้นย้ำถึงความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่ลดลงและความเสี่ยงด้านการจ้างงานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ผลักดันการเปลี่ยนแปลงท่าทีดังกล่าว

ทั้งนี้ พาวเวลล์เน้นย้ำว่าแม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะแสดงสัญญาณว่า "อยู่บนเส้นทางที่เริ่มชะลอตัวสู่ 2%" แต่เฟดยังคงความระมัดระวังในการปล่อยให้ตลาดแรงงานอ่อนแอลงมากกว่านี้ โดยย้ำถึงความสำคัญของการรักษาตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งในขณะที่เฟดยังคงพยายามรักษาเสถียรภาพด้านราคา ซึ่งพาวเวลล์ชี้แจงอย่างชัดเจนว่าเฟดไม่ได้ต้องการที่จะให้ภาวะตลาดแรงงานเย็นลงไปมากกว่านี้

โดยระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ พาวเวลล์กล่าวว่าการดำเนินการในอนาคตของเฟด ซึ่งรวมถึงจังหวะเวลาและขนาดของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจและความสมดุลของความเสี่ยง

หลังจากคำกล่าวของพาวเวลล์ ความคาดหวังของตลาดต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเฟดวันที่ 17-18 กันยายนก็ได้เพิ่มขึ้น โดยนักลงทุนคาดการณ์ว่ามีโอกาส 65% ที่จะมีการปรับลด 0.25% จุด ขณะที่บางคนคาดเดาเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการปรับลดครั้งใหญ่ที่ 50 จุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากข้อมูลเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ เช่น รายงานการจ้างงานในเดือนสิงหาคม แสดงให้เห็นสัญญาณเพิ่มเติมของความอ่อนแอของตลาดแรงงาน ท่ามกลางคำกล่าวของพาวเวลล์ที่ยังระบุว่าขณะนี้เฟดมี "พื้นที่เพียงพอ" ในการลดต้นทุนการกู้ยืมเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อลดลง

นอกจากนี้ คำกล่าวดังกล่าวยังได้ส่งผลต่อการคาดการณ์ในวที่งกว้างขึ้น โดยตลาดปรับคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคต ส่งผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยของเฟดอาจลดลงเหลือ 3.00%-3.25% ภายในสิ้นปี 2025 ซึ่งต่ำกว่าระดับปัจจุบันมากกว่า 2 เปอร์เซ็นต์

ขณะเดียวกัน ยอดขายบ้านเดี่ยวใหม่ในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นในเดือนกรกฎาคม โดยแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 ปี จากอัตราจำนองที่ลดลงซึ่งกระตุ้นอุปสงค์ สำนักสำมะโนประชากรของกระทรวงพาณิชย์รายงานว่ายอดขายบ้านใหม่เพิ่มขึ้น 10.6% ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2023 และเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2022

ทั้งนี้ ในข่าวเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้อง ดัชนีรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่กำลังจะมาถึง ซึ่งเป็นมาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญของธนาคารกลางสหรัฐฯ จะถูกจับตามองอย่างใกล้ชิด จึงอาจส่งผลให้คู่สกุล GBP/USD คาดว่าจะมีแนวโน้มซื้อขายขึ้นลงในกรอบปัจจุบันและกรอบบนได้อีกเล็กน้อยในช่วงนี้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD GBP/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.3212, 1.3214, 1.3217      

แนวรับสำคัญ : 1.3206, 1.3204, 1.3201                            

1H Outlook                     

วิเคราะห์ GBP/USD ที่มา: TradingView                 

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3191 - 1.3206 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.3206 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3212 และ SL ที่ประมาณ 1.3184 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3212 - 1.3227 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3230 และ SL ที่ประมาณ 1.3199 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3212 - 1.3227 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้าน 1.3212 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3203 และ SL ที่ประมาณ 1.3234 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.3191 - 1.3206 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3176 และ SL ที่ประมาณ 1.3219 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Aug 26, 2024 10:12AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.3195 1.3201 1.3203 1.3209 1.3212 1.3217 1.322
Fibonacci 1.3201 1.3204 1.3206 1.3209 1.3212 1.3214 1.3217
Camarilla 1.3205 1.3205 1.3206 1.3209 1.3208 1.3209 1.3209
Woodie's 1.3195 1.3201 1.3203 1.3209 1.3212 1.3217 1.322
DeMark's - - 1.3203 1.3209 1.3211 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูงคลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES