ตลาดสหรัฐฯ ผันผวน นักลงทุนจับตาผลประกอบการของ Nvidia และการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจากเฟด
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงเล็กน้อยในวันจันทร์ เนื่องจากนักลงทุนเผชิญกับความเป็นไปได้ที่อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จะถูกปรับลดในเร็วๆ นี้ ท่ามกลางราคาน้ำมันจะพุ่งสูงขึ้นจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นในตะวันออกกลาง โดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ปิดตัวลงหลังจากที่ดีดตัวสูงขึ้นในช่วงเช้า ขณะที่ดัชนี Dow Jones Industrial Average ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย
ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดัชนีฟิวเจอร์สปรับตัวลดลงเล็กน้อยในช่วงการซื้อขายรอบเย็น จากการสับเปลี่ยนการซื้อขายหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ ซึ่งได้สร้างแรงกดดันให้กับตลาดวอลล์สตรีท อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้ช่วยบรรเทาผลกระทบจากการสูญเสียของตลาดโดยรวม ขณะที่นักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษกับรายงานผลประกอบการของ Nvidia ซึ่งคาดว่าจะมีกำหนดรายงานในวันพุธ โดย Nvidia ซึ่งเป็นผู้นำในภาคส่วน AI เป็นแรงผลักดันสำคัญต่อการฟื้นตัวของหุ้นเทคโนโลยีในปีนี้ โดยสัญญาณใดๆ เกี่ยวกับความอ่อนแอในรายได้ของบริษัทอาจลดแรงสนับสนุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับ AI ซึ่งเป็นส่วนสำคัญของการสร้างกำไรของตลาด
ทางด้านกำไรในกลุ่มน้ำมันและก๊าซ โทรคมนาคม และสาธารณูปโภค ถูกชดเชยด้วยการขาดทุนในกลุ่มเทคโนโลยี สินค้าอุปโภคบริโภค และการดูแลสุขภาพ โดยดัชนีดาวโจนส์แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนหันไปให้ความสำคัญกับหุ้นวัฏจักร เช่น หุ้นการเงิน ซึ่งคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนกันยายน
ทั้งนี้ หุ้นของ Nvidia ซึ่งเป็นผู้เล่นหลักในแรงแรงขับเคลื่อนของ AI ร่วงลง 2.3% ในวันจันทร์ และยังคงทรงตัวในการซื้อขายหลังปิดตลาด โดยแม้จะมีแรงกดดันในช่วงที่ผ่านมา แต่หุ้นของ Nvidia ก็ยังคงเพิ่มขึ้นประมาณ 150% ในปีนี้ ซึ่งเน้นย้ำถึงบทบาทสำคัญในตลาด ขณะที่นักลงทุนมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับรายได้ของ Nvidia เนื่องจากการขาดทุนใดๆ ที่เกิดขึ้น อาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อกลุ่มเทคโนโลยีโดยรวม ซึ่งได้เริ่มถดถอยไปแล้วก่อนหน้านี้ โดยความกังวลดังกล่าวสะท้อนให้เห็นในอารมณ์ของตลาดโดยรวมที่ยังคงใช้ความระมัดระวัง หลังจากที่หุ้นเทคโนโลยีลดลงและหุ้นกลุ่มวัฏจักรได้รับความนิยมมากขึ้น
อีกด้าน หุ้นของ Apple ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นสำหรับงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ของบริษัทในวันที่ 9 กันยายน ซึ่งหลายคนคาดว่าจะมีการเปิดตัว iPhone และ Apple Watch รุ่นใหม่ ขณะที่หุ้นของ PDD Holdings ซึ่งจดทะเบียนในสหรัฐฯ ร่วงลงเกือบ 29% หลังจากบริษัททำรายได้ในไตรมาสที่สองต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และหุ้นของ Tesla ร่วงลง 3.2% หลังจากแคนาดาประกาศเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ไฟฟ้าจากจีน 100% ซึ่งเป็นไปตามการดำเนินการในลักษณะเดียวกันของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป
ทางด้านภาคส่วนพลังงานเป็นหนึ่งในภาคส่วนที่โดดเด่นในวันจันทร์ โดยดัชนีเพิ่มขึ้น 1.11% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของอุปทานน้ำมันที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงขึ้นในตะวันออกกลางและการหยุดการผลิตในลิเบียขณะที่ Boeing ร่วงลง 0.85% หลังจากที่ NASA เลือก SpaceX แทนแคปซูล Starliner ของ Boeing เพื่อนำนักบินอวกาศกลับจากสถานีอวกาศนานาชาติในปีหน้า
โดยในสัปดาห์นี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ จะทบทวนตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญหลายรายการ รวมถึง GDP ไตรมาสที่ 2 ที่ปรับปรุงแล้วและรายงานการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ก่อนที่จะตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายน ขณะที่แม้ว่าเงินเฟ้อยังคงเป็นประเด็นสำคัญ แต่แถลงการณ์ล่าสุดของเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ บ่งชี้ว่าความเสี่ยงในตลาดแรงงานได้กลายเป็นปัญหาที่น่ากังวลมากขึ้น ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ได้เข้าใกล้เป้าหมายเพียงพอที่จะทำให้เริ่มการปรับลดอัตราดอกเบี้ยได้อย่างเร็วที่สุดในเดือนหน้า โดยปฏิทินเศรษฐกิจยังรวมถึงรายงานคำสั่งซื้อสินค้าคงทนในวันจันทร์และรายงานการขอรับสิทธิว่างงานรายสัปดาห์ในวันพฤหัสบดี
อย่างไรก็ดี นอกจากข้อมูลเศรษฐกิจแล้ว ความสนใจของนักลงทุนยังมุ่งเน้นไปที่รายงานผลประกอบการของ Nvidia ที่มีกำหนดในวันพุธ โดยนักลงทุนจะเฝ้าติดตามการอัปเดตเกี่ยวกับความล่าช้าที่อาจเกิดขึ้นในการเปิดตัวชิป Blackwell รุ่นต่อไปของ Nvidia ขณะที่บริษัทอื่นๆ ที่รายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ได้แก่ CrowdStrike, HP, Salesforce, Lululemon และ MongoDB ส่งผลให้ตลาดเตรียมรับมือกับช่วงเวลาที่อาจผันผวนได้ในช่วงนี้
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD US 500 [S&P 500]
แนวต้านสำคัญ : 5617.0, 5618.0, 5619.5
แนวรับสำคัญ : 5614.0, 5613.0, 5611.5
30Min Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5609.0 - 5614.0 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 5614.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5617.6 และ SL ที่ประมาณ 5606.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 5617.0 - 5622.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5627.0 และ SL ที่ประมาณ 5611.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5617.0 - 5622.0 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 5617.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5613.6 และ SL ที่ประมาณ 5624.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5609.0 - 5614.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5604.5 และ SL ที่ประมาณ 5619.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Aug 27, 2024 10:00AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 5609.6 | 5611.5 | 5613.6 | 5615.5 | 5617.6 | 5619.5 | 5621.6 |
Fibonacci | 5611.5 | 5613 | 5614 | 5615.5 | 5617 | 5618 | 5619.5 |
Camarilla | 5614.5 | 5614.9 | 5615.2 | 5615.5 | 5616 | 5616.3 | 5616.7 |
Woodie's | 5609.6 | 5611.5 | 5613.6 | 5615.5 | 5617.6 | 5619.5 | 5621.6 |
DeMark's | - | - | 5614.5 | 5615.9 | 5618.5 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ